
ฝรั่งเศสเตรียมเผชิญการประท้วงครั้งใหญ่ทั่วประเทศในวันนี้ (18 ก.ย.) เมื่อกลุ่มแรงงานหลายอาชีพ ตั้งแต่ครู พนักงานขับรถไฟ เภสัชกร ไปจนถึงบุคลากรทางการแพทย์ เตรียมผละงานเพื่อต่อต้านแผนตัดลดงบประมาณของรัฐบาล
บรรดาสหภาพแรงงานเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มการลงทุนในบริการสาธารณะ จัดเก็บภาษีคนร่ำรวยมากขึ้น และยกเลิกการปรับระบบบำนาญของรัฐที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ขณะที่แหล่งข่าวจากกระทรวงมหาดไทยระบุว่า อาจมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมและหยุดงานประท้วงมากถึง 800,000 คน
กลุ่มสหภาพแรงงานหลักของฝรั่งเศสระบุในแถลงการณ์ร่วมว่า แรงงานที่สหภาพเป็นตัวแทนแสดงความไม่พอใจอย่างมาก พร้อมทั้งปฏิเสธแผนการคลังของรัฐบาลชุดก่อนที่พวกเขามองว่าโหดร้ายและไม่เป็นธรรม
โซฟี บิเนต์ ประธานสมาพันธ์แรงงานทั่วไป หรือสหภาพ CGT ย้ำหลังการหารือกับเซบาสเตียง เลอกอร์นู นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสคนใหม่ว่า หากยังไม่ได้รับคำตอบที่เหมาะสม การต่อสู้บนท้องถนนจะยังคงยืดเยื้อต่อไป
ด้านสหภาพครู (FSU-SNUipp) คาดการณ์ว่า ครูประถมราว 1 ใน 3 จะเข้าร่วมผละงาน ขณะที่การไฟฟ้าฝรั่งเศส หรือ EDF ระบุว่าพนักงานบางส่วนจะเข้าร่วมด้วย
นอกจากนี้ สมาคมเกษตรกรรายย่อยฝรั่งเศส (Confederation Paysanne) ได้เรียกร้องให้สมาชิกออกมาเคลื่อนไหว ขณะที่สหภาพเภสัชกรร้านขายยา (USPO) ก็แสดงความไม่พอใจต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายที่กระทบธุรกิจ พร้อมเผยผลสำรวจที่บ่งชี้ว่า ร้านขายยาถึง 98% อาจปิดให้บริการหนึ่งวันเต็ม
การประท้วงครั้งนี้คาดว่าจะกระทบเครือข่ายรถไฟใต้ดินในปารีสและรถไฟภูมิภาค ขณะที่เส้นทางรถไฟความเร็วสูง TGV ยังสามารถให้บริการได้เกือบปกติ
ด้านบรูโน เรอตาโย รัฐมนตรีมหาดไทย กล่าวว่า จะระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกว่า 80,000 นายทั่วประเทศ พร้อมหน่วยปราบจลาจล โดรน และยานเกราะ เพื่อรับมือความเสี่ยงจากการก่อกวน การปิดล้อมสถานที่ หรือเหตุปะทะรุนแรงระหว่างผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ กระแสไม่พอใจดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตการเมืองที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง และนายกฯ เลอกอร์นู ต้องเผชิญ ขณะที่รัฐบาลพยายามควบคุมการขาดดุลงบประมาณของประเทศ
เมื่อปีที่ผ่านมา ฝรั่งเศสมีตัวเลขขาดดุลงบประมาณเกือบสองเท่าของเพดาน 3% ที่สหภาพยุโรปกำหนด แม้เลอกอร์นูต้องการลดการขาดดุล แต่การพึ่งพาเสียงสนับสนุนจากพรรคการเมืองอื่นเพื่อผ่านงบประมาณปี 2569 ถือเป็นโจทย์ทางการเมืองที่ท้าทาย โดยเฉพาะหลังรัฐสภาลงมติไม่ไว้วางใจฟรองซัวส์ บายรู อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากแผนรัดเข็มขัด 4.4 หมื่นล้านยูโร
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.ย. 68)