
สำนักงานความร่วมมือด้านความมั่นคงกลาโหมสหรัฐฯ (DSCA) เปิดเผยในแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี (18 ก.ย.) ว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้อนุมัติการขายระบบขีปนาวุธแจฟลิน (Javelin) มูลค่าประมาณ 780 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่โปแลนด์ เพียงไม่กี่วันหลังมีรายงานว่าโดรนรัสเซียรุกล้ำน่านฟ้าของโปแลนด์ ซึ่งสร้างความตื่นตัวให้กับชาติสมาชิกนาโต
DSCA ระบุว่า ได้แจ้งต่อสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเสนอขายครั้งนี้แล้ว ซึ่งประกอบด้วยขีปนาวุธแจฟลิน FGM-148F จำนวน 2,506 ลูก และแท่นยิงน้ำหนักเบาอีก 253 ชุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า แพ็กเกจดังกล่าวยังครอบคลุมการฝึกอบรม กระสุนฝึกซ้อม ชิ้นส่วนอะไหล่ ชุดเครื่องมือ ชุดหล่อเย็นแบตเตอรี่ การขนส่ง รวมถึงการสนับสนุนทางเทคนิคจากทั้งรัฐบาลสหรัฐฯ และบริษัทคู่สัญญา
DSCA ระบุเพิ่มเติมว่า การขายครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพโปแลนด์ในการปฏิบัติตามข้อกำหนดของนาโต และป้องกันประเทศด้วยการปรับปรุงแท่นยิงรุ่นเก่า รวมทั้งขยายคลังแสงขีปนาวุธ ขณะที่บริษัทคู่สัญญาหลักจากสหรัฐฯ ย้ำว่า ระบบขีปนาวุธแจฟลินเป็นอาวุธต่อต้านเกราะแบบยิงจากบ่าที่มีสมรรถนะระดับชั้นนำของโลก และสามารถยิงได้อย่างปลอดภัยจากภายในอาคารหรือบังเกอร์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กองทัพโปแลนด์ได้ยิงโดรนที่ละเมิดน่านฟ้าของโปแลนด์ “ซ้ำแล้วซ้ำเล่า” ในประเด็นนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่า การรุกล้ำน่านฟ้าที่ถูกกล่าวหาว่ามาจากโดรนรัสเซียนั้น “อาจเป็นความผิดพลาด”
อย่างไรก็ตาม ดอนัลต์ ตุสก์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ออกมาโต้แย้งผ่านทางเอ็กซ์ว่า “เราก็หวังว่าการโจมตีโปแลนด์ด้วยโดรนจะเป็นเพียงความผิดพลาด แต่ความจริงมันไม่ใช่ และเรารู้เรื่องนี้ดี”
ทั้งนี้ รัสเซียได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาจากโปแลนด์ สหภาพยุโรป และนาโต ที่ระบุว่าเป็นผู้ปล่อยโดรนดังกล่าว ขณะที่ผู้นำยุโรปหลายรายกล่าวหาว่ารัสเซียจงใจส่งโดรนเข้ามาเพื่อทดสอบความพร้อมของนาโต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.ย. 68)