
บริษัทแอปเปิ้ล (Apple) ได้เรียกร้องเมื่อวันพุธ (24 ก.ย.) ให้สหภาพยุโรป (EU) ดำเนินการยกเลิกกฎหมายตลาดดิจิทัล (DMA) ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับสำคัญที่ออกมาเพื่อกำกับดูแลอำนาจของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ พร้อมทั้งเสนอให้มีการพิจารณาออกกฎระเบียบฉบับใหม่ที่บริษัทเห็นว่ามีความเหมาะสมมากกว่า
คำร้องขอดังกล่าวมีขึ้น ในขณะที่คณะกรรมาธิการยุโรปกำลังอยู่ระหว่างการทบทวนกฎหมายดังกล่าว ซึ่งนับเป็นการประเมินประสิทธิผลของกฎหมายและความสามารถในการตอบสนองต่อเทคโนโลยีเกิดใหม่ รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นครั้งแรก ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจนถึงวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา
แอปเปิ้ลระบุว่า ผู้ใช้งานใน EU กำลังประสบกับความล่าช้าในการเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ และต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่เพิ่มสูงขึ้น อันเนื่องมาจากผลบังคับของกฎหมาย DMA
แอปเปิ้ลได้ขอให้คณะกรรมาธิการฯ ประเมินผลกระทบของกฎหมายดังกล่าวที่มีต่อผู้บริโภคใน EU ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของตนอีกครั้ง และยืนยันว่าจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายต่อไป
แอปเปิ้ลชี้แจงว่า กฎหมายฉบับนี้ส่งผลให้บริษัทจำเป็นต้องเลื่อนการเปิดตัวฟีเจอร์หลายประการใน EU ออกไป ซึ่งรวมถึง iPhone Mirroring ไปยัง Mac และ Live Translation ผ่าน AirPods โดยอ้างว่ามีปัญหาด้านวิศวกรรม
แอปเปิ้ลระบุว่า ฟีเจอร์เกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งในแอปแผนที่ (Maps) ก็ต้องเลื่อนออกไปเช่นกัน เพราะกฎหมาย DMA บังคับให้แอปเปิ้ลต้องทำให้ฟีเจอร์บางอย่างทำงานร่วมกับสินค้าของบริษัทอื่นหรือนักพัฒนาภายนอกได้ก่อน ถึงจะเปิดตัวได้
แอปเปิ้ลระบุว่า ยังหาทางทำตามข้อบังคับโดยไม่ทำให้ข้อมูลผู้ใช้เสี่ยงไม่ได้ และข้อเสนอเรื่องมาตรการความปลอดภัยที่ยื่นไปก็ถูกคณะกรรมาธิการฯ ปฏิเสธ
“เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเราไม่สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างที่เกิดจากกฎหมาย DMA ได้” แอปเปิ้ลกล่าว “เมื่อเวลาผ่านไป ก็ยิ่งชัดเจนว่ากฎหมาย DMA ไม่ได้ช่วยให้ตลาดดีขึ้น แต่กลับทำให้การทำธุรกิจในยุโรปยากขึ้น”
ก่อนหน้านี้ในเดือนมิ.ย. แอปเปิ้ลได้เปลี่ยนกฎและค่าธรรมเนียมใน App Store ของ EU เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งต่อต้านการผูกขาดของ EU
สำหรับกฎหมาย DMA ซึ่งเริ่มใช้เมื่อปีที่แล้ว กำหนดให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต้องเปิดแพลตฟอร์มของตัวเองให้คู่แข่งเข้ามาเชื่อมต่อได้
แอปเปิ้ลกล่าวว่า กฎหมายนี้ทำให้ผู้ใช้ใน EU ต้องเจอกับประสบการณ์ใช้แอปที่ “เสี่ยงขึ้น ใช้งานยากขึ้น” เพราะการอนุญาตให้ติดตั้งแอปจากนอก App Store (sideloading) และการมีตลาดแอปทางเลือกอื่น ๆ ได้เปิดช่องให้มีแอปอันตราย เช่น แอปหลอกลวง มัลแวร์ และแอปลามกอนาจาร ซึ่งแอปประเภทนี้เคยถูกแบนบน App Store มาก่อน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ย. 68)