ผลสำรวจชี้ บริษัทสหรัฐฯ เกือบครึ่งในยุโรปกังวลความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจแย่ลง

เกือบครึ่งหนึ่งของบริษัทสหรัฐฯ ที่ดำเนินธุรกิจในยุโรปเชื่อว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรปจะย่ำแย่ลง แม้ว่าสัดส่วนนี้ถือว่าดีขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงต้นสมัยที่สองของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ

ทั้งนี้ หอการค้าอเมริกันประจำสหภาพยุโรป (AmCham EU) ซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 160 บริษัท รวมถึงแอปเปิ้ล, โกลด์แมน แซคส์, เมตา แพลตฟอร์มส์ และวีซ่า เปิดเผยผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า 46% ของผู้ตอบคาดว่าความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนจะแย่ลง ลดลงจาก 89% ในการสำรวจแบบเดียวกันเมื่อเดือนม.ค.

ผลสำรวจซึ่งทำกับบริษัทสมาชิกที่สหรัฐฯ ควบคุมจำนวน 52 แห่งระหว่างวันที่ 8–16 ก.ย. แสดงให้เห็นว่า การปรับลดภาษียังคงเป็นความสำคัญอันดับหนึ่ง

ขณะเดียวกัน ราว 1 ใน 3 ของบริษัทที่ได้รับการสำรวจคาดว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจจะคงที่ หลังจากที่สหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ทำข้อตกลงการค้าในช่วงปลายเดือนก.ค. ซึ่งจะยกเลิกภาษีส่วนใหญ่ของสหภาพยุโรปสำหรับสินค้าสหรัฐฯ ขณะที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่จากสหภาพยุโรปในอัตรา 15%

AmCham EU ระบุว่า บริษัทต่าง ๆ มองข้อตกลงดังกล่าวในแง่บวก แม้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบางฝ่ายในสหภาพยุโรป

มัลเท โลฮาน ซีอีโอของ AmCham EU กล่าวว่า บริษัทต่าง ๆ เห็นว่า ข้อตกลงนี้ช่วยหลีกเลี่ยงความเสียหายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนต่อการค้าและการลงทุนข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก แม้ว่าจะยังมีความกังวลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมด้านนโยบายอยู่ก็ตาม

แม้มีข้อตกลงการค้า บริษัทส่วนใหญ่ยังคาดว่านโยบายของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปจะส่งผลลบต่อธุรกิจของตน โดย 60% คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากนโยบายของสหรัฐฯ และ 56% คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากนโยบายของสหภาพยุโรป

นอกจากนี้ บริษัทต่าง ๆ ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ไขอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี เช่น กฎของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการตัดไม้ทำลายป่าและห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือและการยอมรับมาตรฐานซึ่งกันและกัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ย. 68)