
นายธนภูมิ ดำรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ อินเวสท์ จำกัด (orbix INVEST) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ แนวโน้มการลงทุนในตลาดคริปโตกำลังเปลี่ยนไป โดยมี Ethereum ก้าวขึ้นมาเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญแทนที่ Bitcoin ซึ่งเคยเป็นผู้นำตลาดมาโดยตลอด ปัจจัยสำคัญคือ เงินลงทุนจากกองทุน Ethereum ETF ที่ยังคงไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กองทุน Bitcoin ETF เริ่มชะลอตัว นอกจากนี้บริษัทเอกชนหลายแห่งยังเริ่มถือครอง Ethereum ในฐานะสินทรัพย์สำรอง เช่นเดียวกับทองคำหรือเงินดอลลาร์ในอดีต
นอกจากบทบาทในการเก็บรักษามูลค่า Ethereum ยังถูกใช้งานจริงมากขึ้นในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบชำระเงินออนไลน์ การเงินแบบไร้ตัวกลาง (DeFi) และการแปลงสินทรัพย์จริง เช่น พันธบัตรหรืออสังหาริมทรัพย์ให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลเพื่อซื้อขายและลงทุนได้ง่ายขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพในการก้าวขึ้นมาเป็น “โครงสร้างพื้นฐาน” ของระบบการเงินดิจิทัลในอนาคต
ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการลงทุน และหากกระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าสู่ Ethereum อย่างต่อเนื่อง ประเมินได้ว่า ราคาของ Ethereum อาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นแตะระดับ 6,000–8,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปี 2568 อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามปัจจัยสำคัญด้านทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ภาวะเงินเฟ้อ และระดับสภาพคล่องในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีผลโดยตรงต่อความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ orbix INVEST แนะนำให้จัดพอร์ตอย่างสมดุลระหว่างโอกาสในการสร้างผลตอบแทนและการบริหารความเสี่ยง โดยผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงและรับความผันผวนของราคาสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ควรเน้นกลยุทธ์ OBX-ETH เสริมด้วย OBX-LVS ที่ยังมีสัดส่วนของ Bitcoin เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของพอร์ต พร้อมกระจายการลงทุนไปยัง Altcoin ที่มีการใช้งานจริง โดยเฉพาะกลุ่ม DeFi และโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสถาบัน
นายธนภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ Ethereum จะได้รับแรงหนุนเชิงโครงสร้างอย่างต่อเนื่อง แต่ Bitcoin ยังคงมีบทบาทสำคัญในฐานะสินทรัพย์ดิจิทัลหลักและเป็นตัวชี้วัดสภาพคล่องของตลาด ดังนั้น การลงทุนจึงควรพิจารณาทั้งสองสินทรัพย์ควบคู่กันเพื่อสร้างความสมดุลให้กับพอร์ตในระยะยาว
ในระยะถัดไป orbix INVEST ประเมินว่าสินทรัพย์ดิจิทัลจะก้าวเข้าสู่ “ช่วงการยอมรับในระดับโครงสร้าง” (Structural Adoption Phase) โดยมีแรงหนุนจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การขยายตัวของ Stablecoin และการโทเคนไนซ์สินทรัพย์จริง (RWA) กรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจนเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักลงทุนสถาบัน เช่น กฎหมาย Stablecoin ในสหรัฐฯ และการพัฒนาเทคโนโลยี โดยเฉพาะ Ethereum Layer-2 รวมถึง Solana ที่จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ย. 68)