ผู้บริโภค 3 รายในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวานนี้ (7 ต.ค.) ว่า จะยื่นเรื่องต่อศาลอุทธรณ์กลาง เพื่อขอให้พิจารณาคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มอีกครั้ง โดยคดีนี้มีเป้าหมายเพื่อฟ้องแอร์เมส (Hermes) แบรนด์แฟชั่นหรูจากฝรั่งเศส เกี่ยวกับวิธีการขายกระเป๋าระดับท็อปอย่างรุ่นเบอร์กิน (Birkin) ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้อ้างว่า แอร์เมสบีบให้ลูกค้าซื้อสินค้าอื่น ๆ เพื่อทำยอดก่อนที่จะเสนอขายกระเป๋าระดับท็อปรุ่นนี้ได้
รายงานข่าวระบุว่า โจทก์ได้ยื่นหนังสือแจ้งอุทธรณ์ หลังจากที่ผู้พิพากษาศาลแขวงรัฐบาลกลางในซานฟรานซิสโก เจมส์ โดนาโต มีคำสั่งยกฟ้องคดีของพวกเขาเมื่อเดือนที่แล้ว
สำหรับคดีดังกล่าวนั้นได้ยื่นฟ้องไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งผู้ฟ้องอ้างว่า แอร์เมสละเมิดกฎหมายป้องกันการผูกขาด โดยบังคับให้ซื้อสินค้าชิ้นหนึ่งก่อนที่จะมีสิทธิซื้อสินค้าอีกชิ้นหนึ่ง โดยพนักงานขายประจำชอปของแอร์เมสจะเชียร์ให้ลูกค้าซื้อรองเท้า ผ้าพันคอ เครื่องประดับ และสินค้าอื่น ๆ เพื่อทำยอดให้มากพอ ก่อนที่จะเสนอขายกระเป๋ารุ่นเบอร์กินให้ในห้องส่วนตัว
คำฟ้องระบุว่า พนักงานขายไม่ได้รับค่าคอมมิชชันจากการขายกระเป๋ารุ่นเบอร์กิน โดยพนักงานถูกสั่งให้ใช้กระเป๋ารุ่นเบอร์กินเป็นเครื่องมือในการบังคับให้ลูกค้าซื้อสินค้าประเภทอื่น ๆ เพื่อให้ได้กระเป๋าระดับท็อปรุ่นนี้
นอกจากนี้ ผู้ฟ้องยังมีการเรียกร้องให้แอร์เมสชดใช้ด้วยเงินโดยไม่ได้ระบุจำนวนเงิน และขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามไม่ให้แอร์เมสดำเนินการในลักษณะที่ผู้ฟ้องอ้างว่าเป็นการต่อต้านการแข่งขันทางการค้าเช่นนี้อีก
ด้านแอร์เมสได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยชี้แจงต่อผู้พิพากษาว่า กระเป๋าเบอร์กินขายอยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ทั้งยังเป็นกระเป๋าทำมือที่มีราคาสูงถึงหลักหมื่นดอลลาร์ ขณะที่ผู้พิพากษาได้มีคำตัดสินว่า โจทก์ไม่สามารถระบุตลาดที่เกี่ยวข้องได้อย่างสมเหตุสมผล หรือไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าแอร์เมสมีอำนาจเหนือตลาด
ผู้พิพากษาโดนาโต กล่าวว่า “แอร์เมสอาจจะเก็บกระเป๋าเบอร์กินไว้ให้เฉพาะลูกค้าที่มียอดซื้อมากที่สุดอย่างที่โจทก์อ้าง แต่การทำเช่นนั้นก็ยังไม่ใช่การละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด” และยังเคยบอกกับทนายความของโจทก์ในการพิจารณาคดีเมื่อปีที่แล้วด้วยว่า หากแอร์เมสทำกระเป๋าเบอร์กินปีละ 5 ใบ และขายใบละล้านดอลลาร์ แอร์เมสก็มีสิทธิ์ทำได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ต.ค. 68)
