
สายการบินสำคัญหลายแห่งของจีนเรียกร้องในวันอังคาร (14 ต.ค.) ให้รัฐบาลสหรัฐฯ ยกเลิกแผนการที่จะห้ามไม่ให้เครื่องบินของพวกเขาบินผ่านรัสเซียในการให้บริการเที่ยวบินระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยระบุว่า จะทำให้เวลาในการบินเพิ่มขึ้น ค่าโดยสารเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อเส้นทางบินบางเส้นทาง หลังกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ ได้เสนอแนะแนวทางดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยระบุว่า การที่สายการบินจีนสามารถใช้เส้นทางดังกล่าวได้ ทำให้พวกเขาได้เปรียบเหนือสายการบินของสหรัฐฯ ซึ่งต้องบินอ้อมและใช้เวลามากกว่า
สายการบินไชน่า อีสเทิร์น (China Eastern) ซึ่งเป็น 1 ใน 6 สายการบินของจีนที่ส่งหนังสือแจ้งต่อสำนักงานการบินพลเรือนแห่งสหรัฐฯ (USDOT) ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจยืดเวลาเที่ยวบินในเส้นทางสำคัญบางเส้นทางออกไปอีก 2-3 ชั่วโมง เพิ่มความเสี่ยงต่อการพลาดเที่ยวบินต่อเครื่องอย่างมาก และเพิ่มอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
แอร์ไชน่า (Air China) และไชน่าเซาเทิร์น (China Southern) ระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้จะส่งผลเสียต่อผู้โดยสารจำนวนมากทั้งในสหรัฐฯ และจีน โดยคาดว่า ผู้โดยสารอย่างน้อย 2,800 คนที่มีกำหนดเดินทางในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 1-31 ธ.ค. จะต้องเปลี่ยนเที่ยวบิน ซึ่งอาจกระทบกับแผนการเดินทางของพวกเขา
ขณะเดียวกัน สายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ (United Airlines) ได้เรียกร้องให้รัฐบาลทรัมป์ขยายมาตรการห้ามบินนี้ไปยังสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค (Cathay Pacific) ซึ่งบินผ่านรัสเซียด้วยเที่ยวบินจากฮ่องกงและสายการบินอื่น ๆ ในฮ่องกงไปยังสหรัฐฯ
ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ระบุว่า ข้อจำกัดด้านการบินผ่านน่านฟ้ารัสเซียทำให้ไม่สามารถกลับไปให้บริการเที่ยวบินตรงไปยังจีนในเส้นทางที่เคยให้บริการก่อนหน้านี้ได้ เช่น นวร์ก/นิวยอร์ก วอชิงตัน ดี.ซี. และชิคาโก
ทั้งนี้ รัสเซียห้ามไม่ให้สายการบินของสหรัฐฯ และสายการบินต่างชาติอีกหลายแห่งบินผ่านน่านฟ้าของตน เพื่อเป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ ห้ามไม่ให้เที่ยวบินรัสเซียบินผ่านสหรัฐฯ ในเดือนมี.ค. 2565 หลังจากที่รัสเซียรุกรานยูเครน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ต.ค. 68)