
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทลูคอยล์ (Lukoil) และรอสเนฟต์ (Rosneft) สองบริษัทผลิตน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งแรกในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีวาระที่สองของทรัมป์ โดยมีเป้าหมายที่จะกดดันให้รัสเซียทำข้อตกลงยุติสงครามในยูเครน
“ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องทำเช่นนี้” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวในช่วงเย็นวันพุธ (22 ต.ค.) และเสริมว่า เขาคาดหวังว่ามาตรการคว่ำบาตรนี้จะถูกนำมาใช้ไม่นาน เนื่องจากเขายังคงมีความหวังว่าสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนจะจบลง
การดำเนินการดังกล่าวของทรัมป์ มีขึ้นไม่นานหลังจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ได้อนุมัติมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียครั้งที่ 19 ในวันพุธ ซึ่งรวมถึงการระงับนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อตอบโต้รัสเซียที่ยังคงเดินหน้าทำสงครามในยูเครน
ข่าวสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันของรัสเซียเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ พุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันพุธ
ทางด้านสก็อต เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมกับรัสเซียหากมีความจำเป็น และได้เรียกร้องให้บรรดาประเทศพันธมิตรเข้าร่วมกับสหรัฐฯ และปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย
รอสเนฟต์และลูคอยล์เป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลรัสเซีย โดยบริษัททั้งสองแห่งมีกำลังการผลิตน้ำมันในสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบทั้งหมดของรัสเซีย หรือประมาณ 2.2 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
ทั้งนี้ การประกาศคว่ำบาตรรัสเซียมีขึ้นเพียงวันเดียว หลังจากที่แผนการจัดประชุมสุดยอดระหว่างทรัมป์และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ได้ถูกยกเลิก โดยทรัมป์ยืนยันกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า “เราได้ตัดสินใจยกเลิกการประชุมกับปธน.ปูตินแล้ว เนื่องจากผมคิดว่าเราไม่สามารถไปถึงจุดที่เราคาดหวังไว้ในอนาคตได้”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ต.ค. 68)