ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ (27 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเอเชียยังได้ปัจจัยบวกจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นทำนิวไฮในวันศุกร์ (24 ต.ค.) หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 50,337.36 จุด พุ่งขึ้น 1,037.71 จุด หรือ 2.10%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,427.34 จุด เพิ่มขึ้น 267.19 จุด หรือ +1.02% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,991.35 จุด เพิ่มขึ้น 41.04 จุด หรือ +1.04%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้พุ่งขึ้น 1.73% ยืนเหนือระดับ 4,000 จุดเป็นครั้งแรก ขณะที่ดัชนี Australia’s ASX/S&P 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียบวก 0.38%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่จีนและสหรัฐฯ สามารถบรรลุฉันทามติเกี่ยวกับกรอบการทำงานในประเด็นที่เคยเป็นข้อพิพาท ซึ่งจะเป็นการปูทางไปสู่การลงนามข้อตกลงระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาณ์กับสถานีโทรทัศน์ CBS News เมื่อวันอาทิตย์ว่า การเก็บภาษีนำเข้าจากจีนในอัตรา 100% ที่ปธน.ทรัมป์เคยขู่ไว้นั้น ได้ถูกนำออกจากโต๊ะเจรจา และเขาคาดว่าจีนจะซื้อถั่วเหลืองจำนวนมากจากสหรัฐฯ อีกทั้งจะชะลอการจำกัดการส่งออกแร่หายาก
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจช่วงเช้านี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานว่า กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนพุ่งขึ้น 21.6% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี ส่วนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) กำไรภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 3.2% ซึ่งแข็งแกร่งกว่าในช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) ที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.9%
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำไรภาคอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งนั้น มาจากการที่รัฐบาลจีนออกนโยบายที่มุ่งเป้าสกัดการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ภาวะเงินฝืดในจีนยืดเยื้อเข้าสู่ปีที่สาม โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนลดลง 0.3% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ร่วงลง 2.3%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ต.ค. 68)
