
ไมโครซอฟท์ (Microsoft) และโอเพนเอไอ (OpenAI) ประกาศข้อตกลงปรับโครงสร้างองค์กรครั้งสำคัญเมื่อวันอังคาร (28 ต.ค.) เปิดทางให้ผู้สร้าง ChatGPT สลัดภาพองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร เตรียมปูทางสู่การเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เพื่อระดมทุนมหาศาลสำหรับแผนพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์และเทคโนโลยี AI แห่งอนาคตของซีอีโอ แซม อัลท์แมน
ภายใต้ข้อตกลงใหม่นี้ โอเพนเอไอซึ่งมีมูลค่าบริษัทประเมินกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ จะถูกปรับโครงสร้างเป็น “บริษัทเพื่อประโยชน์สาธารณะ” (Public Benefit Corporation – PBC) ที่ยังคงถูกควบคุมโดยองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร โดยอัลท์แมนระบุว่า การเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นเส้นทางที่เป็นไปได้มากที่สุดสำหรับอนาคตของบริษัท เนื่องจากต้องใช้เงินทุนมหาศาลในการสร้างและฝึกฝนระบบ AI
ในไลฟ์สตรีม อัลท์แมนและยาคุบ พาชอคกี หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของโอเพนเอไอ ได้สรุปแผนการที่จะเปลี่ยนโอเพนเอไอจากบริษัทที่เน้นผลิตภัณฑ์ไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดให้คนทั่วโลกสามารถสร้างเครื่องมือ บริการ และธุรกิจของตนเองบนเทคโนโลยีของบริษัทได้
ความเคลื่อนไหวนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุน รวมถึง เจนเซน หวง ซีอีโอของอินวิเดีย (Nvidia) ที่กล่าวว่า “ถ้าคุณบอกผมว่าโอเพนเอไอจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปีหน้า ผมก็ไม่แปลกใจเลย และนี่อาจเป็นหนึ่งในการเสนอขายหุ้น IPO ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์”
ข้อตกลงครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อยกเลิกข้อจำกัดสำคัญในการระดมทุนและจัดหาทรัพยากรคอมพิวเตอร์จากไมโครซอฟท์ ซึ่งเป็นเงื่อนไขในข้อตกลงเดิมตั้งแต่ปี 2562 และได้กลายเป็นต้นตอของความตึงเครียดหลังจาก ChatGPT ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย
การหารือเพื่อปรับโครงสร้างเริ่มต้นขึ้นหลังเหตุการณ์ที่อัลท์แมนถูกปลดออกจากตำแหน่งชั่วคราวในช่วงปลายปี 2566 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าโครงสร้างองค์กรที่ไม่เหมือนใครของโอเพนเอไอได้จำกัดอำนาจของนักลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจอย่างไมโครซอฟท์
อย่างไรก็ตาม โฆษกของโอเพนเอไอยืนยันว่า อัลท์แมนจะไม่ได้รับหุ้นในบริษัทใหม่ และยังคงได้รับค่าตอบแทนเท่าเดิมที่ประมาณ 76,000 ดอลลาร์ต่อปี
อัลท์แมนเปิดเผยว่า โอเพนเอไอมีภาระผูกพันทางการเงินสูงถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ สำหรับการสร้างโครงสร้างพื้นฐานศูนย์ข้อมูลขนาดประมาณ 30 กิกะวัตต์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยตั้งเป้าหมายสูงสุดคือการสร้างศูนย์ข้อมูลที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 1 กิกะวัตต์ต่อสัปดาห์
บริษัทใหม่ในชื่อ โอเพนเอไอ กรุ๊ป พีบีซี (OpenAI Group PBC) จะดำเนินงานคล้ายกับบริษัททั่วไปมากขึ้น ตอกย้ำอำนาจของอัลท์แมนในการตัดสินใจและทำข้อตกลงต่าง ๆ โดยไมโครซอฟท์จะยังคงถือหุ้นในสัดส่วน 27% คิดเป็นมูลค่าราว 1.35 แสนล้านดอลลาร์ และยังคงเป็นผู้เล่นคนสำคัญในอนาคตของบริษัทต่อไป ซึ่งข้อตกลงนี้สะท้อนว่าไมโครซอฟท์สร้างผลตอบแทนได้เกือบ 10 เท่าจากเงินลงทุน 1.38 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้หุ้นไมโครซอฟท์ปรับตัวขึ้น 2% และมีมูลค่าตลาดทะลุ 4 ล้านล้านดอลลาร์อีกครั้ง
ข้อตกลงนี้จะผูกพันทั้งสองบริษัทไปจนถึงปี 2575 เป็นอย่างน้อย โดยโอเพนเอไอจะยังคงแบ่งปันรายได้ประมาณ 20% ให้กับไมโครซอฟท์ต่อไปอีกหลายปี และข้อตกลงการแบ่งรายได้จะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อคณะกรรมการอิสระประกาศว่าโอเพนเอไอบรรลุถึง “ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป” (Artificial General Intelligence – AGI) แล้วเท่านั้น
เบรต เทย์เลอร์ ประธานคณะกรรมการของมูลนิธิโอเพนเอไอ (OpenAI Foundation) ยืนยันว่า “องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรยังคงควบคุมองค์กรที่แสวงหาผลกำไร และตอนนี้มีช่องทางเข้าถึงทรัพยากรมหาศาลได้โดยตรง” โดยคณะกรรมการของมูลนิธิฯ ซึ่งรวมถึงอัลท์แมน จะมีอำนาจในการแต่งตั้งและถอดถอนสมาชิกคณะกรรมการของบริษัท PBC
อดัม ซาร์ฮาน ซีอีโอของ 50 ปาร์ค อินเวสท์เมนท์ส (50 Park Investments) มองว่า “โอเพนเอไอยังคงเผชิญกับการตรวจสอบเรื่องความโปร่งใสและการใช้ข้อมูล แต่โดยรวมแล้ว โครงสร้างนี้น่าจะช่วยให้มีเส้นทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับนวัตกรรมและความรับผิดชอบ”
นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังเปิดเผยอีกว่าได้บรรลุข้อตกลงให้โอเพนเอไอซื้อบริการคลาวด์คอมพิวติ้ง Azure มูลค่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อแลกกับการที่ไมโครซอฟท์จะสละสิทธิ์ในการเป็นผู้ให้บริการด้านการประมวลผลแก่โอเพนเอไอแต่เพียงผู้เดียว (right of first refusal) อีกต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ต.ค. 68)





