คลัง ปรับคาดการณ์ GDP ปี 68 โตเพิ่มเป็น 2.4% จาก 2.2% เก็งปี 69 อาจโตชะลอเหลือ 2%

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 68 เพิ่มขึ้นเป็น 2.4% จากเดิมที่คาดไว้ 2.2% เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วงปลายปีนี้ รวมถึงการส่งออกในที่สามารถขยายตัวได้ดีกว่าคาด โดยเชื่อว่าปีนี้น่าจะขยายตัวได้สูงถึง 10% ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนเติบโตดี แต่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้จะหดตัวอยู่ที่ -0.2% ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุลราว 15.5 พันล้านดอลลาร์

ส่วนในปี 69 สศค.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.0% ชะลอตัวลงจากปีนี้ เนื่องจากผลของการส่งออกที่อาจหดตัว -1.5% หลังได้เร่งส่งออกไปมากแล้วในช่วงก่อนหน้านี้เพื่อลดความเสี่ยงจากการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไป คาดว่าจะกลับมาขยายตัวที่ 0.5%

นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการ สศค. ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การส่งออกขยายตัวได้ดีกว่าคาด โดยเฉพาะตลาดสหรัฐและจีน ในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งขยายตัวสูงในสินค้าเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์-ส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยางเป็นสำคัญ โดยเชื่อว่าปีนี้การส่งออกในภาพรวม จะขยายตัวได้สูงถึง 10%

ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนเติบโตดี ที่ 3% การลงทุนภาคเอกชน คาดว่าขยายตัว 1.7% ส่วนการบริโภคภาครัฐ ขยายตัว 0.8% และการลงทุนภาครัฐ คาดว่าจะขยายตัว 5.6% ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 33.5 ล้านคน ลดลงจากปีก่อน 5.8% คิดเป็นรายได้จากการท่องเที่ยว 1.56 ล้านล้านบาท

ด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้ จะหดตัวอยู่ที่ -0.2% ปรับลดลงจากประมาณการครั้งก่อน เนื่องจากราคาพลังงานลดลง ทั้งจากค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำมันเชื้อเพลิง ตามนโยบายของภาครัฐ และราคาพลังงานในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ส่วนเสถียรภาพภายนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดในปีนี้ มีแนวโน้มจะเกินดุลที่ 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 3.5% ของ GDP

 

  • คาดปี 69 ศก.ไทยโตชะลอเหลือ 2% หลังส่งออกเริ่มแผ่ว

 

สำหรับในปี 69 สศค. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.0% ชะลอตัวลงจากปีนี้ เนื่องจากผลของการส่งออกที่อาจหดตัว -1.5% หลังได้เร่งไปมากแล้วในช่วงก่อนหน้าเพื่อลดความเสี่ยงจากการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไป คาดว่าจะกลับมาขยายตัวที่ 0.5% ตามทิศทางอุปสงค์ในประเทศที่ขยายตัวดี ขณะที่เสถียรภาพภายนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัด จะเกินดุล 15.5 พันล้านดอลลาร์

ปัจจัยสนับสนุนสำคัญจาก 1. ภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นตัว โดยประเมินว่าปี 69 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 35.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีนี้ 6% คิดเป็นรายได้จากการท่องเที่ยว 1.68 ล้านล้านบาท จากความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้น 2. การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดี ที่ 2.4% และ 3. การลงทุนภาครัฐที่ขยายตัว 3% จากการเร่งรัดเบิกจ่ายและการลงทุนของภาครัฐ

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ควรติดตามปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด อาทิ

1) นโยบายด้านภาษีของสหรัฐฯ และผลกระทบทางอ้อมจากการไหลเข้าของสินค้าจากประเทศที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านภาษีที่ย้ายตลาดเข้าสู่ไทยมากขึ้น

2) ทิศทางของการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และการอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

3) ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์

4) ระดับหนี้ครัวเรือนของภาคประชาชนและ SMEs

5) การย้ายฐานการลงทุนและการผลิตในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านภาษีของสหรัฐฯ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ต.ค. 68)