รองปธน.สหรัฐฯ เตือนหายนะการบิน หากชัตดาวน์ยืดเยื้อถึงพ.ย.

เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเตือนเมื่อวันพฤหัสบดี (30 ต.ค.) ว่า หากการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงยืดเยื้อเข้าสู่เดือนพ.ย. อาจส่งผลกระทบต่อระบบการบินของประเทศ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศจะยังคงไม่ได้รับค่าจ้าง ขณะฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวกำลังใกล้เข้ามา

“มันอาจกลายเป็นหายนะได้จริง ๆ เพราะนั่นหมายความว่าพวกเขาจะพลาดการรับเงินเดือน 3–4 ครั้ง” แวนซ์กล่าวภายหลังการหารือกับผู้บริหารอุตสาหกรรมการบิน

รองปธน.สหรัฐฯ กล่าวว่า “เราต้องการให้คนที่ทำให้ระบบการบินของประเทศดำเนินต่อไปได้ ต้องเผชิญกับภาวะไม่มีเงินเลี้ยงดูครอบครัว หรือไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติจริง ๆ หรือ” พร้อมย้ำว่า “เราต้องการให้พวกเขามีชีวิตที่ดี และหนทางเดียวคือการเปิดให้รัฐบาลกลับมาทำงานอีกครั้ง”

นอกจากนี้ แวนซ์ยังกล่าวโทษพรรคเดโมแครตว่าเป็นฝ่ายจับรัฐบาลเป็นตัวประกัน และเรียกร้องให้หยุดความบ้าคลั่งนี้ ให้รัฐบาลกลับมาทำงานอีกครั้ง

ด้านฌอน ดัฟฟี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ ระบุว่า เดือนต.ค.เป็นช่วงที่การเดินทางทางอากาศยังไม่หนาแน่นนัก แต่เมื่อเข้าสู่เดือนพ.ย. ปริมาณเที่ยวบินจะเพิ่มสูงขึ้น โดยปัจจุบันระบบการบินของสหรัฐฯ ขาดเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินราว 2,000–3,000 คน และแผนการเพิ่มบุคลากรดังกล่าวอาจต้องใช้เวลาหลายปี ขณะที่เจ้าหน้าที่ควบคุมการบินราว 13,000 คน ทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างมาตั้งแต่ต้นเดือน

ขณะที่ไฟลท์อะแวร์ (FlightAware) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ติดตามเที่ยวบิน รายงานว่า มีเที่ยวบินภายในและระหว่างประเทศที่ล่าช้าแล้วกว่า 6,000 เที่ยว และยกเลิกไปแล้วกว่า 1,000 เที่ยวบิน

ทั้งนี้ การปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางเข้าสู่สัปดาห์ที่ 5 แล้ว และอาจทุบสถิติยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ หากสองพรรคการเมืองหลักยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ต.ค. 68)