
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงในวันนี้ (4 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรหลังตลาดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน บรรยากาศการซื้อขายยังถูกกดดันจากการแสดงความเห็นที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งทำให้แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธ.ค.ยังคงไม่แน่นอน
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 52,361.14 จุด ลดลง 50.20 จุด หรือ -0.10%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,209.39 จุด เพิ่มขึ้น 51.03 จุด หรือ +0.20% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,969.05 จุด ลดลง 7.48 จุด หรือ -0.19%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียร่วงลง 1.03% ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ดิ่งลง 1.85%
เจ้าหน้าที่เฟดยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. โดยความเห็นเหล่านี้รวมถึงมุมมองที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจและความเสี่ยงที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดยังเผชิญกับความท้าทายจากการขาดแคลนข้อมูลสำคัญ เนื่องจากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงปิดดำเนินการเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์
สตีเฟน มิแรน หนึ่งในสมาชิกผู้ว่าการเฟดยังคงมีมุมมองว่า นโยบายการเงินของเฟดอยู่ในระดับที่คุมเข้มมากเกินไป และเขายังคงสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยขนานใหญ่ ขณะที่ออสติน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า เขายังคงใช้ความระมัดระวังในการสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
ด้านธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.6% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด โดย RBA เตือนว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในระบบเศรษฐกิจปรับตัวสูงขึ้น และย้ำว่าการดำเนินนโยบายการเงินในการประชุมครั้งต่อไปจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่จะได้รับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 พ.ย. 68)





