
พายุไต้ฝุ่นคัลแมกี (Kalmaegi) พัดถล่มภาคกลางของฟิลิปปินส์อย่างรุนแรง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 58 ราย และยังคงสร้างความเสียหายในบางพื้นที่ของเกาะปาลาวันในวันนี้ (5 พ.ย.) ขณะเคลื่อนตัวออกสู่ทะเลจีนใต้
ผู้เสียชีวิตจากผลกระทบของพายุดังกล่าวนั้นรวมถึงการเสียชีวิตของทหาร 6 นาย หลังจากเฮลิคอปเตอร์ตกในจังหวัดอากูซาน เดล ซูร์ บนเกาะมินดาเนา ระหว่างปฏิบัติภารกิจบรรเทาทุกข์ทางด้านมนุษยธรรม
ในจังหวัดเซบูซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ภาพความเสียหายเริ่มปรากฏหลังน้ำท่วมค่อย ๆ ลดระดับ โดยเผยให้เห็นบ้านเรือนพังทลาย รถยนต์พลิกคว่ำ และเศษซากสิ่งของกระจัดกระจายทั่วพื้นที่ โดยหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยรายงานว่ามีผู้สูญหายอีก 13 คน
ทั้งนี้ พายุคัลแมกี หรือมีชื่อท้องถิ่นว่า “ติโน” (Tino) สร้างความเสียหายเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง 2 เดือนหลังจากแผ่นดินไหวขนาด 6.9 เขย่าพื้นที่ตอนเหนือของเกาะเซบู ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคนและชาวบ้านหลายพันคนต้องอพยพหนีภัย
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์ (PAGASA) เปิดเผยว่า พายุคัลแมกีอ่อนกำลังลงหลังขึ้นฝั่งเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (4 พ.ย.) แต่คาดว่าจะกลับมาทวีกำลังอีกครั้งเมื่อเคลื่อนตัวอยู่เหนือทะเลจีนใต้
พายุลูกนี้มีกำลังลมสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และความเร็วลมกระโชกถึง 165 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือเป็นพายุลูกที่ 20 ที่ถล่มฟิลิปปินส์ในปี พ.ศ. 2568 โดยขณะนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังเวียดนาม ซึ่งทางการกำลังเตรียมรับมือก่อนที่พายุจะขึ้นฝั่งในวันศุกร์นี้ (7 พ.ย.)
ด้านสภาบริหารและลดความเสี่ยงภัยพิบัติแห่งชาติของฟิลิปปินส์ (NDRRMC) เปิดเผยว่า มีประชาชนอพยพล่วงหน้ารวม 75,591 คน ขณะเดียวกัน องค์การการบินพลเรือนแห่งฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า พายุไต้ฝุ่นลูกนี้ทำให้สายการบินต้องยกเลิกเที่ยวบินเกือบ 100 เที่ยว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ย. 68)





