ผู้นำเอเชีย-แปซิฟิกประณาม “ทรัมป์” สั่งฟื้นโครงการทดสอบนิวเคลียร์

เครือข่ายผู้นำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Leadership Network หรือ APLN) ซึ่งเป็นเครือข่ายของอดีตนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้นำทางทหาร และนักวิชาการในเอเชีย-แปซิฟิก ที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงโซลของเกาหลีใต้ ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ (8 พ.ย.) เพื่อประณามคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ที่ให้ดำเนินการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ โดยระบุว่าเป็น “การเบี่ยงเบนที่อันตราย” จากฉันทามติของประชาคมโลกที่ต่อต้านการทดสอบนิวเคลียร์

แถลงการณ์ที่มีผู้ลงนามเกือบ 60 คน ระบุว่า หากสหรัฐฯ ดำเนินการทดสอบนิวเคลียร์ตามคำสั่งของทรัมป์ ก็จะสร้างความเสียหายอย่างไม่อาจย้อนกลับได้ต่อระบอบการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งมีบทบาทในการป้องกันการใช้อาวุธนิวเคลียร์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2488

แถลงการณ์ฉบับนี้ได้วิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของทรัมป์ โดยระบุว่าเป็นการ “เพิกเฉยและมองข้าม” ความทุกข์ทรมานที่ประชาชนในประเทศแถบแปซิฟิกต้องเผชิญ จากการที่สหรัฐฯ เคยทดสอบนิวเคลียร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมถึงความเจ็บปวดของผู้รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ

แถลงการณ์ยังเรียกร้องให้พันธมิตรของสหรัฐฯ แสดงความชัดเจนว่า “จะไม่สนับสนุน อำนวยความสะดวก หรือนิ่งเฉย” ต่อความพยายามใด ๆ ที่จะทดสอบนิวเคลียร์

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในช่วงปลายเดือนต.ค. ทรัมป์ได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมเริ่มกระบวนการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ “บนพื้นฐานที่เท่าเทียมกัน” กับมหาอำนาจนิวเคลียร์อื่น ๆ

เขาโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียว่า สหรัฐฯ มีอาวุธนิวเคลียร์มากกว่าประเทศอื่น อย่างไรก็ตาม “รัสเซียอยู่อันดับสอง และจีนอยู่อันดับสามโดยตามมาห่าง ๆ แต่จะทัดเทียมกันได้ภายใน 5 ปี”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 พ.ย. 68)