ไฟลท์อะแวร์ (FlightAware) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ติดตามเที่ยวบินของสหรัฐฯ เผยว่า เที่ยวบินกว่า 2,000 เที่ยวถูกยกเลิก ขณะที่อีกกว่า 8,000 เที่ยวต้องล่าช้า หลังการชัตดาวน์รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ก้าวเข้าสู่วันที่ 40 แล้วเมื่อวันอาทิตย์ (9 พ.ย.)
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ และ FAA ได้ประกาศลดขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบินลง 10% ณ สนามบินหลัก 40 แห่งทั่วประเทศ โดยเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ (7 พ.ย.) เป็นต้นไป เพื่อบรรเทาแรงกดดันด้านบุคลากรและลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในน่านฟ้า
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จำนวนเที่ยวบินที่ถูกยกเลิกได้พุ่งสูงขึ้นจาก 202 เที่ยวบินในวันพฤหัสบดี (6 พ.ย.) เป็น 1,025 เที่ยวบินในวันศุกร์ และเพิ่มขึ้นอีกเป็น 1,566 เที่ยวบินในวันเสาร์ (8 พ.ย.)
ทั้งนี้ จำนวนเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศที่หยุดงานเพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่ภาวะชัตดาวน์เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ทำให้เจ้าหน้าที่จำนวนมากต้องทำงานล่วงเวลา
ฌอน ดัฟฟี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น (CNN) ในวันอาทิตย์ว่า “สถานการณ์มีแต่จะแย่ลง ผมมองถึงช่วงสองสัปดาห์ก่อนวันขอบคุณพระเจ้า คุณจะเห็นว่าการเดินทางทางอากาศลดลงจนแทบไม่เหลือ”
ในวันเดียวกันนั้น เควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส (CBS) ว่า หากประชาชนไม่เดินทางในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า “เราอาจจะได้เห็นตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 4 ติดลบจริง ๆ”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 68)
