
ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ผู้นำฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า รัฐบาลจะเพิ่มการใช้จ่ายในภาครัฐ หลังจากเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ในไตรมาส 3/2568 ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 4 ปี อันเนื่องมาจากเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันได้จุดชนวนการประท้วง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและทำให้ภาครัฐต้องระงับโครงการสำคัญหลายโครงการ
ปธน.มาร์กอสแถลงต่อสื่อมวลชนวันนี้ (13 พ.ย.) ว่า รัฐบาลจะเพิ่มการใช้จ่ายในภาครัฐ เพื่อให้แน่ใจว่าภายในสิ้นปี ระดับการใช้จ่ายในภาคส่วนนี้จะเป็นไปตามแผนเดิมที่รัฐบาลกำหนดไว้ พร้อมระบุว่า ผู้เกี่ยวข้องกับคดีคอร์รัปชันโครงสร้างพื้นฐานด้านการป้องกันอุทกภัยจะต้องถูกดำเนินคดีและถูกจำคุกก่อนช่วงคริสต์มาส ขณะเดียวกัน รัฐบาลกำลังเรียกคืนเงินของรัฐที่ถูกยักยอก และได้ดำเนินการปฏิรูปเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ
ผู้นำฟิลิปปินส์เสริมว่า เราทุกคนต่างต้องการความยุติธรรม แต่จากบทเรียนที่ผ่านมาพบว่า การดำเนินการที่รัดกุมต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งดีกว่าการดำเนินการอย่างเร่งรีบแล้วเกิดความผิดพลาด
ฟิลิปปินส์เผชิญกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ลดน้อยลง และผลกระทบทางเศรษฐกิจจากคดีทุจริต นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ยังเพิ่งเผชิญพายุไต้ฝุ่น 2 ลูกที่พัดถล่มประเทศ ทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างหนัก และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 คน
สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ในไตรมาส 3/2568 ขยายตัวเพียง 4% ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 4 ปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 5.2% หลังเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันได้จุดชนวนการประท้วง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและทำให้ภาครัฐต้องเบรกโครงการสำคัญหลายโครงการ กดดันให้ค่าเงินเปโซร่วงลง
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติระบุว่า การลงทุนหดตัวลง 2.8% ส่วนการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาครัฐต่างชะลอตัวลง ปัจจัยเหล่านี้เป็นผลสืบเนื่องจากข้อกล่าวหาความผิดปกติในโครงการบรรเทาอุทกภัยที่ปธน.มาร์กอส ออกมาเปิดโปงด้วยตนเองเมื่อเดือนก.ค. โดยผลการสืบสวนพบการสมรู้ร่วมคิดระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ เจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการ และผู้รับเหมา เพื่อยักยอกเงินงบประมาณสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้โครงการไม่เป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่มีการก่อสร้างขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ย. 68)





