ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าลบ กังวลเฟดชะลอหั่นดอกเบี้ย-ข้อมูลเศรษฐกิจจีนอ่อนแอ

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงในวันนี้ (14 พ.ย.) ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ร่วงลงอย่างหนักในวันพฤหัสบดี (13 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 50,434.54 จุด ลดลง 847.29 จุด หรือ -1.65%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,732.99 จุด ลดลง 340.04 จุด หรือ -1.26% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 4,022.89 จุด ลดลง 6.61 จุด หรือ -0.16%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียร่วงลง 1.40% ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ดิ่งลง 2.82%

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนได้แสดงความลังเลที่จะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยระบุถึงความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและสัญญาณที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานค่อนข้างมีเสถียรภาพหลังจากที่เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งท่าทีดังกล่าวของเจ้าหน้าที่เฟดทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนธ.ค.

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 47% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนัก 70% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในวันนี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นเอเชีย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้น 4.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 6.5% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.5%

ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนต.ค. ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่ปรับตัวขึ้น 3% และเป็นการชะลอตัวติดต่อกันเดือนที่ 5 ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564 อย่างไรก็ดี ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8%

ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 1.7% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากช่วงเดือนม.ค.-ก.ย. ที่ลดลงเพียง 0.5% และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจลดลง 0.8%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ย. 68)