WSOL เผยงบ Q3/68 EBITDA บวกต่อเนื่อง แย้มกลยุทธ์ Q4/68 สร้างรากฐานมุ่งสู่กำไรในปี 70

นายอิทธิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิว เอส โอ แอล [WSOL] เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/68 ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทมีรายได้รวม 550.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 5.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.9% ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้รวมลดลง 56.5% YoY

ขณะที่มีผลขาดทุนสุทธิ 133.5 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 478.2 ล้านบาท หรือลดลง 72.1% และขาดทุนลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 85.5% YoY เป็นผลจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายบัตรพลาสติกของ บมจ.พลัส เทค อินโนเวชั่น [PTECH] บริษัทในเครือ มีธุรกิจฟื้นตัวอย่างชัดเจน จากการรับงานโครงการสำคัญหลายโครงการ ทั้งในส่วนของหน่วยงานราชการและภาคเอกชน ทำให้ปริมาณงานและรายได้ของ PTECH กลับมาเติบโต สะท้อนถึงความสามารถในการรักษาส่วนแบ่งการตลาดและฐานลูกค้าหลักไว้ได้อย่างมั่นคง ท่ามกลางสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม ซึ่งส่งผลต่อรายได้ของบริษัทแม่อย่างมีนัยสำคัญ

อีกทั้งการให้ความสำคัญกับมาตรการควบคุมต้นทุนทางการเงิน และการปรับโครงสร้างองค์กรอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2567 จนถึงปัจจุบัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน สะท้อนให้เห็นจากกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่มีผลเป็นบวกอย่างต่อเนื่องถึง 3 ไตรมาส อยู่ที่ 66.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 5.4%

ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 2568 มีรายได้รวม 1,600.4 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 2,039.1 ล้านบาท โดยผลขาดทุนส่วนมากลดลงจากการขายธุรกิจที่ไม่สร้างกำไรออกไป เพื่อลดภาระและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทุน และบริหารจัดการหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินรายใหญ่ในประเทศสำเร็จ ได้รับเงื่อนไขการเงินที่ดีขึ้น จากการได้รับการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ผลการดำเนินงานรายไตรมาสของปี 2569 ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บริษัทได้วางกลยุทธ์และเป้าหมาย เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/68 ประกอบด้วย

1.) สามารถปรับโครงสร้างหนี้กับทุกสถาบันการเงินได้สำเร็จบนเงื่อนไขที่ทำให้บริษัทได้ประโยชน์สูงสุด

2.) ปรับโครงสร้างบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการขายทรัพย์สินที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก เพื่อสร้างกระแสเงินสด

3.) เริ่มต้นโครงการ SOL24 ในฐานะแม่แบบการดำเนินงาน เพื่อแสดงให้เห็นการเชื่อมต่อและการเสริมศักยภาพระหว่างธุรกิจต่างๆ ภายในกลุ่มอย่างเป็นรูปธรรม โดยได้เลือกจังหวัดนครราชสีมาเป็นพื้นที่นำร่องแห่งแรก ก่อนขยายสู่ภาคใต้ในระยะถัดไป โดยตั้งใจพัฒนาให้เป็นโมเดลธุรกิจแฟรนไชส์รูปแบบใหม่ ที่รวบรวมผลิตภัณฑ์และบริการของกลุ่มบริษัทไว้อย่างครบวงจร เพื่อขยายการรับรู้และพิสูจน์ศักยภาพของระบบนิเวศ (Ecosystem) ของกลุ่มบริษัทให้เป็นที่ประจักษ์ นอกจากนี้ ยังมีแผนเตรียม Soft Launch แพลตฟอร์มหลักของกลุ่มบริษัท WeiD ที่เชื่อมโยงพันธมิตร คู่ค้า และลูกค้าเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างรากฐานการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

4.) กำหนด KPI ที่ท้าทายและสามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งจัดทำงบประมาณประจำปีอย่างเหมาะสมและมีการประเมินสถานการณ์ที่อาจกระทบต่อผลการดำเนินงานอย่างทันท่วงที รวมถึงได้ดำเนินโครงการปรับปรุงระบบบัญชีและการเงิน โดยเริ่มใช้ระบบ SAP ในทุกหน่วยงานและบริษัทย่อย เพื่อยกระดับมาตรฐานการรายงานทางการเงินให้มีความถูกต้อง โปร่งใส และสอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาล

“หลังจากผู้บริหารชุดใหม่ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรและโครงสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเราเริ่มเห็นสัญญาณบวกที่ชัดเจนขึ้น จากการขาดทุนที่ลดลง และประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น ด้วยพื้นฐานธุรกิจที่เริ่มกลับมาแข็งแกร่งขึ้น เราเชื่อมั่นว่าจะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง และขับเคลื่อนบริษัทกลับสู่ความสามารถในการทำกำไร (Net Profit) ได้ภายในปี 2570 ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของทางบริษัท” นายอิทธิชัย กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ย. 68)