FPI กำไร Q3 พุ่กว่า 1,200% แรงส่งหลักบ.ย่อยอินเดียพลิกบวก-REM โต มั่นใจโครงสร้างทุนแกร่งรับ EV

นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ [FPI] เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 3/68 มีรายได้รวม 725 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่มาจากยอดขายในประเทศ และบริษัทย่อยต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น มีกำไรสุทธิ 99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 7.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,254.1% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากบริษัทย่อยในประเทศ และต่างประเทศกลับมามีกำไรสุทธิ
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนปี 68 มีรายได้รวม 2,008.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% โดยรายได้จากการขายและส่งออกไปเป็นเงินตราต่างประเทศมีมูลค่า 47.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.5% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน งบการเงินรวมมีกำไรสุทธิ 240.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.8%  ขณะที่งบการเงินเฉพาะบริษัทมีกำไรสุทธิ 250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.7% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน

“บริษัทยังคงมีสถานะสภาพคล่องที่ดีและโครงสร้างทุนที่มั่นคง โดยติดตามความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด รวมถึงประเด็นด้านนโยบายการค้าของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ไม่มีผลกระทบที่มีนัยสำคัญต่อบริษัท เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/2568 ยังคงเติบโตในอัตราที่เหมาะสม การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นในหมวดเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงการผลิตยานยนต์ที่เพิ่มขึ้นตามยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า ด้านการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวตามการเบิกจ่ายลงทุน อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกและความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวัง”

สำหรับธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ของบริษัทฯยังคงได้รับผลกระทบในระดับจำกัด เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ยังคงต้องการชิ้นส่วนรถยนต์ ในขณะที่จำนวนการผลิตโดยรวมลดลง ตลาดซ่อมบำรุง (REM-Replacement Equipment Market) ยังคงเติบโตดีโดยมีความต้องการชิ้นส่วน เพื่อการเปลี่ยนถ่ายในตลาดรอง ทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นฐานลูกค้าของบริษัท ขณะที่ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นโอกาสใหม่ในการขยายไลน์การผลิตชิ้นส่วนรองรับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
สำหรับบริษัท FPI AUTO PARTS INDIA PRIVATE LIMITED เริ่มมียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและกลับมามีผลกำไรสุทธิในไตรมาส 3/68 จากไตรมาสก่อนหน้ามีผลขาดทุน การเพิ่มขึ้นของยอดขายในอัตราที่สูงเกิดจากการที่บริษัทมีโครงการในมือ (On-hand Projects) มูลค่าประมาณ 443 ล้านบาท (มูลค่าประมาณ 1,200 ล้านรูปี) สำหรับช่วงปี 68-70งสอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ และได้รับการยืนยันคำสั่งซื้อจากลูกค้า และได้เริ่มดำเนินการผลิตในช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ด้วยสายงานโครงการที่แข็งแกร่ง ความร่วมมือที่มั่นคงกับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ และการดำเนินงานที่เน้นประสิทธิภาพเป็นหลัก บริษัทมีความพร้อมที่จะขยายรายได้อย่างมีนัยสำคัญ และสามารถสร้างผลประกอบการที่มั่นคงในไตรมาสต่อ ๆ ไปได้อย่างต่อเนื่อง

“แม้ว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศจะชะลอตัวจากการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ แต่สัดส่วนยอดขายในประเทศของบริษัทคิดเป็นสัดส่วนเพียง 11.13% ของรายได้รวม จึงไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวมจะชะลอตัว แต่ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ของบริษัทฯยังมีทิศทางที่มั่นคงจากตลาดส่งออกและตลาดซ่อมบำรุง โดยเฉพาะภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่มีความต้องการชิ้นส่วนอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯยังคงติดตามพฤติกรรมผู้บริโภคและแนวโน้มเทคโนโลยียานยนต์ เพื่อเตรียมพร้อมในการพัฒนาสินค้าให้รองรับยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต”นายสมพล กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 พ.ย. 68)