CIMBT คาด กนง.รอบ ก.พ. 69 คงดอกเบี้ย รอดูผลส่งผ่านนโยบาย-มาตรการกระตุ้นศก.รัฐบาลใหม่

สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) ประเมินว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เดือนก.พ.69 กนง.มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.25% โดยให้เหตุผลสำคัญคือการเว้นระยะเพื่อรอดูผลของการส่งผ่านนโยบายการเงิน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลชุดใหม่หลังการเลือกตั้ง ตลอดจนติดตามทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจและการดูแลเสถียรภาพทางการเงินขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันอาจจะเป็นระดับที่ผ่อนคลายพอสมควรแล้ว และอาจจะเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.25% ต่อเนื่องอีกระยะ เพื่อเก็บ Policy Space ไว้ใช้ในช่วงที่จำเป็น

การที่ ธปท. คาดว่าเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงต้นปี 2570 และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นบางช่วงยังส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกบางกลุ่ม และหากเฟดส่งสัญญาณยุติการปรับลดดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หรือหากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางรุนแรงขึ้นจนทำให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงจะผลักดันให้เงินเฟ้อในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (Cost-Push Inflation) อาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ กนง.ต้องทบทวนจังหวะเวลาในการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง

โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามหลังจากนี้ ได้แก่ ค่าเงินบาทที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกโดยเฉพาะ SMEs, ความเสี่ยงภาวะเงินฝืด, มาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ ที่อาจมีเพิ่มเติม

หลังจากการตัดสินใจของกนง. ในครั้งล่าสุด คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก1.50 %เป็น 1.25% ต่อปี โดยให้มีผลทันที สะท้อนถึงความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ยังเผชิญแรงกดดันจากทั้งปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ ภายใต้บริบทของเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและความเปราะบางในประเทศ กนง.เลือกปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและลดภาระหนี้ของกลุ่มเปราะบาง

การที่ธปท.ส่งสัญญาณชัดเจนว่ายังคงยึดแนวทางผ่อนคลาย พร้อมปรับเปลี่ยนนโยบายตามพัฒนาการของเศรษฐกิจ มหภาค โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 69 จะเติบโตเพียง 1.5% ต่ำกว่าศักยภาพ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย และการฟื้นตัวของ GDP จะยังต่ำกว่าศักยภาพไปจนถึงปี 70 พร้อมระบุความเสี่ยงที่กดดันเศรษฐกิจไทย ได้แก่ การยุบสภาที่ไม่สอดคล้องกับจังหวะเวลา และความไม่แน่นอนหลังการเลือกตั้ง, ความเป็นไปได้ของมาตรการภาษีตามสาขาจากสหรัฐ ซึ่งอาจกระทบรายได้จากการส่งออก รวมทั้ง ข้อจากัดด้านการคลัง จากหนี้สาธารณะที่เข้าใกล้เพดาน 70% ของ GDP ทำให้ภาระการรักษาเสถียรภาพโน้มเอียงไปที่นโยบายการเงินมากขึ้นดังนี้ สะท้อนว่ามีโอกาสที่กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีหน้า แม้จะมีข้อจำกัดด้านพื้นที่เชิงนโยบาย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ธ.ค. 68)