
เมตา (Meta) ยักษ์ใหญ่ด้านโซเชียลมีเดีย เผยรายงานพฤติกรรมที่เป็นภัยคุกคาม (Adversarial Threat Report) ฉบับล่าสุด ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายใหม่จากเครือข่ายมิจฉาชีพข้ามชาติ การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการล่อลวง และมาตรการยกระดับความปลอดภัยเพื่อปกป้องผู้ใช้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
หนึ่งในประเด็นสำคัญของรายงานฉบับนี้คือ การเปิดโปงขบวนการหลอกลวงขนาดใหญ่ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศกัมพูชา โดยช่วงเดือนมกราคมถึงตุลาคม 2568 เมตาได้ลบบัญชีและเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับแก๊งมิจฉาชีพข้ามชาติเหล่านี้ไปมากกว่า 6,400 รายการ พฤติการณ์ของคนกลุ่มนี้มักแอบอ้างเป็นตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อหลอกลวงเหยื่อในหลายประเทศ อาทิ ไทย ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม
รายงานระบุว่า ขบวนการเหล่านี้ไม่ได้สุ่มหาเหยื่อเหมือนเมื่อก่อน แต่ทำงานกันเป็นระบบ ประสานงานข้ามพรมแดน และใช้เครื่องมือทันสมัย ทำให้ตรวจจับและสกัดกั้นได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ
ยกระดับเป็น “อุตสาหกรรมการหลอกลวง”
เมตาพบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์และเครือข่ายมิจฉาชีพในเอเชียแปซิฟิกได้เปลี่ยนรูปแบบจากการสุ่มหลอกลวงแบบเดิม กลายมาเป็นการหลอกลวงระดับอุตสาหกรรม โดยลักษณะเด่น ๆ ที่น่ากังวล คือ
– ย้ายช่องทางสื่อสาร: มิจฉาชีพมักจะใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักเป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าถึงเหยื่อ ก่อนจะรีบโน้มน้าวเหยื่อให้ย้ายไปคุยต่อในแอปส่งข้อความที่มีการเข้ารหัส หรือช่องทางการเงินที่ตรวจสอบได้ยาก เพื่อหลบเลี่ยงการถูกตรวจจับจากระบบความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม
– สร้างตัวตนที่น่าเชื่อถือ: มีการใช้บัญชีที่ถูกขโมยมา หรือสร้างขึ้นใหม่ให้ดูสมจริงตามบริบทของท้องถิ่นนั้น ๆ โดยเลียนแบบวัฒนธรรม สำเนียง และชื่อที่นิยมในแต่ละประเทศ เพื่อลดความระแวงของเหยื่อ ซึ่งวิธีการนี้พบมากในออสเตรเลีย สิงคโปร์ และอินเดีย
– ใช้ระบบอัตโนมัติ: มีการใช้สคริปต์สำเร็จรูปและเครื่องมือส่งข้อความอัตโนมัติ ทำให้มิจฉาชีพสามารถเข้าถึงคนจำนวนมากได้ด้วยทรัพยากรที่น้อยลง
ดาบสองคมของ AI
AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่มิจฉาชีพใช้สร้างความน่าเชื่อถือ เช่น การทำ Deepfake แอบอ้างเป็นคนดัง ซึ่งระบาดหนักในออสเตรเลียและอินเดีย รวมถึงการใช้ AI ปรับแต่งข้อความหลอกรับสมัครงานให้สอดคล้องกับภาษาและภูมิภาคของเหยื่อ
ในทางกลับกัน เมตาได้นำ AI มาใช้เป็นเกราะป้องกันเช่นกัน โดยพัฒนาระบบ Llama Firewall และกรอบการทำงาน Rule of Two สำหรับ AI Agents เพื่อจำกัดการนำ AI ไปใช้ในทางที่ผิด รวมถึงการใช้ระบบตรวจจับพฤติกรรม ซึ่งจะแจ้งเตือนผู้ใช้ทันทีเมื่อพบการปฏิสัมพันธ์ที่น่าสงสัย
ความร่วมมือระหว่างประเทศ
นอกจากมาตรการบนแพลตฟอร์ม เมตายังได้ร่วมมือกับหน่วยงานรัฐในแต่ละประเทศ เช่น การสนับสนุนตำรวจสิงคโปร์ในการจับกุมเครือข่ายมิจฉาชีพ และการนำระบบจดจำใบหน้ามาใช้เพื่อปกป้องบุคคลสาธารณะเกือบ 500,000 รายทั่วโลก เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกนำภาพไปใช้ในการโฆษณาหลอกลวง
เมตาย้ำว่า การต่อสู้กับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต้องอาศัยความร่วมมืออย่างต่อเนื่องระหว่างแพลตฟอร์มกับหน่วยงานภาครัฐ เนื่องจากกลุ่มมิจฉาชีพมักจะปรับตัวและหาช่องโหว่ใหม่ ๆ อยู่เสมอ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ธ.ค. 68)





