
ตลาดคริปโทเคอร์เรนซียังคงอยู่ในภาวะวิตกสุดขีด (Extreme Fear) อย่างต่อเนื่อง โดยดัชนีความเชื่อมั่นบ่งชี้ว่าบรรยากาศการลงทุนอยู่ในโซนดังกล่าวเป็นวันที่ 14 ติดต่อกัน สะท้อนความกังวลของนักลงทุนที่ยังไม่คลี่คลาย
ดัชนี Crypto Fear & Greed Index ซึ่งใช้วัดความเชื่อมั่นในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ลดลง 3 คะแนน มาอยู่ที่ระดับ 20 จากคะแนนเต็ม 100 ในวันนี้ (26 ธ.ค.) นับเป็นการอยู่ในภาวะวิตกสุดขีดต่อเนื่องเป็นเวลา 2 สัปดาห์นับตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค. และถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลายาวนานที่สุดนับตั้งแต่เริ่มจัดทำดัชนีในเดือนก.พ. 2561
ความเชื่อมั่นของตลาดเริ่มอ่อนแรงลงตั้งแต่ต้นเดือนต.ค. หลังความวิตกเกี่ยวกับมาตรการภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับจีนกลับมาปะทุอีกครั้ง ส่งผลให้มูลค่าตลาดคริปโทเคอร์เรนซีหายไปเกือบ 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในวันที่ 10 ต.ค.
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังเผชิญแรงกดดันจากความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 1/2569 โดยแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโท BTSE ระบุเมื่อวันจันทร์ (22 ธ.ค.) ว่า ราคาบิตคอยน์อาจปรับตัวลงสู่ระดับ 70,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากเฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม
ข้อมูลจาก CoinGecko ระบุว่า ปัจจุบันบิตคอยน์ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 88,650 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเกือบ 30% จากระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 126,080 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำไว้เมื่อวันที่ 6 ต.ค.
คะแนนดัชนีความเชื่อมั่นในขณะนี้ต่ำยิ่งกว่าช่วงการล่มสลายของบริษัท FTX ในเดือนพ.ย. 2565 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี และฉุดราคาบิตคอยน์ลงใกล้ระดับ 16,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ดัชนี Crypto Fear & Greed Index คำนวณจากหลายปัจจัย อาทิ ความผันผวนของตลาด ปริมาณการซื้อขาย กระแสความคิดเห็นบนสื่อสังคมออนไลน์ แนวโน้มตลาด และสัดส่วนการครองตลาดของบิตคอยน์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ธ.ค. 68)





