KBANK เผยโควิด-19 ดันยอดใช้ K PLUS แตะ 700 ล้านรายการใน Q1/63

นายวีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ลูกค้าเลี่ยงการใช้เงินสด ลดการเดินทางออกนอกบ้าน หันมาทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ผ่าน K PLUS มากขึ้น ซึ่งธนาคารได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับความต้องการทำธุรกรรมผ่าน K PLUS อย่างต่อเนื่อง และพบว่าในไตรมาส 1/63 มีจำนวนธุรกรรมการเงินผ่าน K PLUS มากถึง 700 ล้านรายการ สูงขึ้น 8% จากไตรมาส 4/62

การเติบโตของ K PLUS ยังเป็นผลมาจากโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” ของภาครัฐ ทำให้มียอดลูกค้าสมัคร K PLUS สูงขึ้นวันละเกือบ 10,000 ราย กว่า 80% เป็นการเปิดบัญชีออนไลน์ครั้งแรกด้วยตัวเองผ่าน K PLUS โดยธนาคารตั้งเป้าหมายปี 63 มีลูกค้าใช้งานแอป K PLUS รวมเป็น 15 ล้านราย เติบโต 24% มียอดการทำธุรกรรมทุกประเภทรวม 11,600 ล้านรายการ เติบโต 37% จากปีก่อน

สำหรับฟีเจอร์ของ K PLUS ที่มีปริมาณการใช้งานมากในช่วงโควิด-19 ได้แก่ โอนเงิน ทั้งการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย โอนเงินข้ามธนาคาร และโอนเงินผ่านพร้อมเพย์, เติมเงินเข้าอี-วอลเล็ต (e-Wallet) ได้แก่ เติมเงินเข้า TrueMoney GrabPay เป็นต้น, ซื้อประกัน ได้แก่ การชำระค่าเบี้ยประกันของเมืองไทยประกันภัย เมืองไทยประกันชีวิต กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เป็นต้น

และ K+ Market ตลาดออนไลน์ที่คัดสรรสินค้าคุณภาพและคูปองส่วนลด โดยลูกค้าเลือกชำระเงินด้วยเงินสดจากบัญชีที่ผูกกับ K PLUS หรือใช้คะแนนสะสมบัตรเครดิตกสิกรไทยแทนเงินสดได้ โดยทุก ๆ เดือนจัดให้มีโปรโมชันมอบโค้ดส่วนลด JD CENTRAL ในแคมเปญยุทธจักรนักช้อป และมอบโค้ดส่วนลดในช่วงสิ้นเดือน (Pay Day) อีกทั้งยังตั้งเป้าจะเพิ่มสินค้าคุณภาพผ่าน K+ Market กว่า 70,000 รายการภายในสิ้นปี 63

ทั้งนี้ ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับความหลากหลายของช่องทางหรือแพลตฟอร์มต่างๆที่ลูกค้าใช้บริการ (Multi-Channels) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในทุกที่ที่ลูกค้าต้องการใช้บริการทางการเงิน เช่น ช่องทาง KBank Service ที่ให้บริการรับฝากเงิน บริการถอนเงิน บริการรับชำระเงิน และจุดยืนยันตัวตน (K CHECK ID) เพื่อรองรับการเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ (K-eSavings) โดยมีแผนขยายบริการ KBank Service ผ่านตัวแทนธนาคารจำนวน 19 ราย ซึ่งเป็นพันธมิตรยักษ์ใหญ่ที่มีเครือข่ายสาขาทั่วประเทศ ให้มีจุดบริการครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 100,000 จุด ภายในสิ้นปี 63 เช่น 7-ELEVEN, บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และมินิบิ๊กซี, ไปรษณีย์ไทย, แฟมิลี่มาร์ท, CJ Supermarket, เจมาร์ท, Kerry Express, Max Value, Amazon, Jiffy, Inthanin, SPAR, ร้านถูกดี, Bridgestone, Legacy, Tokyu, ศรีสวัสดิ์, บริการผ่านตัวแทนตู้อิเล็กทรอนิกส์ ตู้บุญเติมและตู้เติมสบาย

นอกจากนี้ ยังเพิ่มจำนวนจุดยืนยันตัวตน (K CHECK ID) ซึ่งเป็นจุดสำคัญในขั้นตอนการเปิดบัญชี K-eSavings จำนวน 4,000 จุดในเดือนเม.ย. 63 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการเปิดบัญชีใหม่โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สาขาของธนาคาร และสามารถสมัครใช้บริการ K PLUS ในการทำธุรกรรมการเงินด้วยตนเอง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 เม.ย. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top