นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการคลายล็อกดาวน์ระยะแรกที่ผ่านมาแล้ว 6 วัน มีเสียงสะท้อนกลับมาบ้างแต่ก็ดีกว่าไม่ผ่อนคลายเลย หรือเปิดหมดแต่ยอดผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มขึ้นอีกก็จะโดนปิดใหม่และยาวกว่าเดิม
“ค่อยๆ เปิดเพื่อความปลอดภัยของทุกคนดีกว่าไม่เปิดเลยหรือเปิดหมดแต่ผลไม่ดีแล้วโดนปิดอีก..ทีนี้ก็จะยาว”
นายกลินท์ กล่าว
สำหรับการคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 2 จะเป็นกลุ่มศูนย์การค้า ร้านอาหารใหญ่ๆ ศูนย์ประชุม นวด สปา ฟิตเนส คลีนิคเสริมความงาม แต่สิ่งสำคัญสำหรับการเปิดระยะที่ 2 คือยังคงต้องมีความเข้มข้นในเรื่องของมาตรการต่างๆ ทั้งการรักษาระยะห่าง ผู้ให้บริการและผู้รับบริการต้องใส่หน้ากากอนามัย และมาตรฐานของแต่สถานประกอบการที่แตกต่างกันออกไป
นายกลินท์ กล่าวต่อว่า ขอฝากภาคเอกชนมากกว่า 50% เน้นการทำงานที่บ้านก่อน นอกจากนี้อยากให้ช่วยกันดูว่าสถานประกอบการที่กำลังจะเปิดเร็วๆนี้ทำตามข้อกำหนดหรือไม่ ถ้ายังไม่ทำตามขอให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา ว่าควรจะปรับปรุงอะไรบ้าง ขณะเดียวกันการรักษาระยะห่างทางสังคมก็ยังจำเป็น อยากขอให้ทุกคนช่วยรัฐบาล เพราะรัฐบาลช่วยเหลือแล้ว คนรายได้ต่ำก็มีเงินเยียวยาคนละ 5 พันบาทก็เริ่มถึงมือประชาชนแล้ว ถึงเวลาที่เราต้องช่วยรัฐบาลบ้าง
นายกลินท์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ภาคเอกชนร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดทำ Thai.care เว็บไซต์สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี เพื่อประโยชน์ของผู้ให้บริการและผู้รับบริการในการตรวจสอบประวัติเสี่ยงหากมีการติดเชื้อโควิด-19 ภายหลังใช้บริการ ซึ่งอยากขอให้ประชาชนและสถานประกอบการร่วมมือกันดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นดังกล่าวมาใช้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ค. 63)
Tags: COVID-19, WFH, กลินท์ สารสิน, ทำงานที่บ้าน, ล็อกดาวน์, หอการค้าไทย, โควิด-19