สหรัฐและจีนได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกแล้วเมื่อวานนี้ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้จัดพิธีลงนามดังกล่าวที่ทำเนียบขาว และได้เชิญกลุ่มนักธุรกิจของสหรัฐ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของจีนและสหรัฐเข้าร่วมในพิธีด้วย
ข้อตกลงการค้าเฟสแรกซึ่งมีจำนวน 86 หน้า ระบุว่า สหรัฐจะปรับลดภาษีลงครึ่งหนึ่งจากอัตรา 15% ที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์ และชะลอการเก็บภาษีเพิ่มเติมเพื่อแลกกับการที่จีนให้คำมั่นสัญญาในการปฏิรูปโครงสร้าง รวมทั้งซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐเพิ่มขึ้นอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 2 ปีข้างหน้า โดยสหรัฐคาดว่า การดำเนินการดังกล่าวของจีนจะช่วยให้ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐปรับตัวลดลง
ข้อตกลงยังระบุด้วยว่า สหรัฐจะยังคงตรึงอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนราว 2 ใน 3 คิดเป็นมูลค่าราว 3.6 แสนล้านดอลลาร์ จนกว่าจะผ่านพ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย. และจะพิจารณาปรับลดอัตราภาษีก็ต่อเมื่อสหรัฐและจีนมีการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสสอง
ทางด้านจีนได้ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มมาตรการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา และเปิดเสรีการบริการด้านการเงิน ขณะเดียวกันก็ให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงแก้ไขเพื่อยุติข้อกล่าวหาที่ว่า จีนบังคับให้บริษัทสหรัฐถ่ายโอนเทคโนโลยีให้แก่บริษัทจีนและบิดเบือนค่าเงินเพื่อหวังผลประโยชน์ด้านการส่งออก
ปธน.ทรัมป์ได้กล่าวในพิธีลงนามข้อตกลงการค้าครั้งนี้ว่า “นี่เป็นโอกาสที่สำคัญอย่างยิ่ง การแก้ปัญหาด้านการค้าที่ไม่ถูกต้องในอดีตถือเป็นสิ่งที่สำคัญ และนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมตัดสินใจเข้ามาเป็นปธน.สหรัฐ เราทั้งสองฝ่ายอยู่ที่นี่เพื่อร่วมกันทำสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตให้ถูกต้อง”
ขณะที่ปธน.สี จิ้นผิงของจีนได้ส่งจดหมายถึงปธน.ทรัมป์ และได้มีการเปิดอ่านในพิธีดังกล่าว โดยปธน.สีระบุในจดหมายว่า ข้อตกลงการค้าฉบับนี้เป็นสิ่งยืนยันว่า จีนและสหรัฐจะทำงานร่วมกันเพื่อประสานแนวคิดที่แตกต่าง พร้อมระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวเป็นผลดีต่อทั้งจีน สหรัฐ และประเทศทั่วโลก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ม.ค. 63)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ผู้นำเดโมแครตในวุฒิสภาเตือน ‘ทรัมป์’ ข้อตกลงการค้าที่อ่อนแออาจกระทบสหรัฐในอนาคต
- ‘มนูชิน’เผยสหรัฐจะเก็บภาษีจีนต่อไปจนกว่าจะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสสอง
