Media Talk: ผู้แทนการค้าอังกฤษชี้อาเซียนต้องกล้าใช้เทคโนโลยีหนุนภาคการค้ารับ “New Normal”

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเศรษฐกิจของหลาย ๆ ประเทศต้องพึ่งพา “จีน” อันเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาด

แม้ว่า ในปี 2563 เศรษฐกิจโลกจะทรุดตัวลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งที่เราต้องพยายามต่อไปคือการฟื้นเศรษฐกิจให้ได้มากที่สุด โดยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า การค้าโลกในยุค New Normal จะเป็นเช่นไร รวมถึงคำถามที่ว่า เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทอย่างไรในการรับมือกับวิกฤตการณ์ครั้งนี้ ขณะที่หลายฝ่ายจับตาว่า โควิด-19 อาจกลายเป็นเหตุการณ์ที่สร้างจุดเปลี่ยนต่อเศรษฐกิจในโลกยุคดิจิทัล รวมถึงสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้

ในการสัมมนา Techsauce Virtual Summit 2020 ซึ่งจัดในรูปแบบออนไลน์เป็นครั้งแรกนั้น คุณนาตาเลีย แบล็ก ผู้แทนการค้าสหราชอาณาจักรประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้ให้เกียรติร่วมสัมมนาในหัวข้อ “A New Global Outlook on Trade and the Role of Technology” โดยระบุว่า โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราทุกคน รวมถึงธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมทั่วทุกมุมโลก

ทั้งนี้ เอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคแรก ๆ ที่ต้องปรับตัวรับการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่สิ่งที่น่าประทับใจคือภูมิภาคแห่งนี้ได้สร้างโครงการใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพที่ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการรับมือกับโรคระบาด ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือกลุ่มเจ้าหน้าที่แนวหน้า หรือการเร่งให้เกิดการใช้ฟินเทคกันมากขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีการสอนออนไลน์ต่าง ๆ

ภาพรวมยังเป็นบวกแม้เผชิญโควิด-19

สำหรับคำถามว่าที่ว่า โควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างไรต่อการค้าระหว่างอาเซียนและอังกฤษนั้น คุณนาตาเลียกล่าวว่า จากการที่ได้พูดคุยกับภาคธุรกิจของทั้งสองภูมิภาค ภาพรวมยังคงออกมาในเชิงบวก เนื่องจากนักลงทุนของอังกฤษให้ความสนใจกับโอกาสใหม่ ๆ ในอาเซียน แต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจจะต้องทำให้มีการปรับตัวมากขึ้น รวมถึงปัญหาการจ้างงานที่ยังมีข้อกำจัด ทั้งในแง่ของการจ้างแรงงานต่างชาติ หรือจะให้ชาวอังกฤษเดินทางมาทำงานที่นี่ โดยในขณะนี้บริษัทต่าง ๆ ได้หันมาใช้เทคโนโลยีในการดำเนินธุรกิจ อาทิ การเจรจากับผ่านทางออนไลน์ ซึ่งต้องดูกันต่อไปว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นเช่นไร

ในแง่ของผลกระทบต่อการค้าโลกนั้น องค์กรการค้าโลก (WTO) คาดการณ์ว่า การค้าในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 จะหดตัวลงราว 30% แต่หากแยกย่อยลงไปในแต่ละประเทศ เราอาจจะต้องใช้การวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งขึ้น เพราะแต่ละประเทศได้รับผลกระทบแตกต่างกันไป ขณะที่มาตรการจัดการโรคระบาดของแต่ละประเทศถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 เราจะต้องจับตาดูว่า แต่ละประเทศจะงัดมาตรการใดขึ้นมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของตัวเอง แต่คำแนะนำของผู้แทนการค้าสหราชอาณาจักรประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก คือ ทุกประเทศควรจะต้องร่วมมือกัน และเปิดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อเปิดการค้าโลก พร้อมกำหนดทิศทางสู่การจับมือเป็นประเทศคู่ค้าในระยะยาว

อย่างที่เราทราบกันว่า มีหลากหลายอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบขั้นสาหัส ไม่ว่าจะเป็นภาคการบิน หรือการค้าปลีก แต่สำหรับอาเซียนนั้น ภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นภาคการท่องเที่ยว โดยคุณนาตาเลียกล่าวว่า มีประชากรถึง 40 ล้านคนที่ทำธุรกิจในกลุ่มนี้ โดยไทย กัมพูชา และฟิลิปปินส์ มีสัดส่วนรายได้การท่องเที่ยวคิดเป็น 20% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขณะที่ญี่ปุ่นซึ่งหวังดูดเม็ดเงินจากการจัดมหกรรมโตเกียว โอลิมปิก ก็ต้องถูกเลื่อนออกไป ขณะที่ภาคการผลิต อุตสาหกรรมสิ่งทอ ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในมาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไนต่างตกวูบลง ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ถือเป็นสิ่งอุตสาหกรรมต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่

อย่างไรก็ตาม ภาคส่วนที่สามารถปรับตัวได้อย่างดีเยี่ยม และเป็นอุตสาหกรรมที่ช่วยฟื้นรายได้ให้กับเศรษฐกิจ คือ ภาคเทคโนโลยีและฟินเทค ขณะที่ประชาชนเริ่มใช้การชำระเงินผ่านทางออนไลน์กันมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยในอังกฤษนั้นมีประชากรเกือบ 70,000 คนที่ทำงานในอุตสาหกรรมฟินเทค

โควิด-19 ผลักดันความต้องการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มสูงขึ้น

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า การระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการรับมือกับปัญหาให้แก่ห่วงโซ่การผลิต ไปจนถึงการพัฒนา SME และอีคอมเมิร์ชที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งการสร้างความร่วมมือระหว่างอังกฤษและประเทศในเอเชียแปซิฟิกผ่านเครือข่ายการค้าดิจิทัลจะช่วยสนับสนุนธุรกิจในกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังสร้างโอกาสใหม่ ๆ สำหรับการค้าและการลงทุน

ทั้งนี้ อังกฤษเองหวังที่จะเป็นคู่ค้ารายสำคัญของไทย และรัฐบาลอังกฤษก็ให้ความสนใจกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ภาพรวมการลงทุนของอังกฤษในไทยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งประเทศไทยจะต้องรักษาฐานตรงนี้ไว้ รวมถึงควรสร้างความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยอังกฤษหวังที่จะขยายธุรกิจฟินเทคในประเทศไทย และมองว่าไทยเองก็สนใจธุรกิจในส่วนนี้ ฉะนั้น ทั้ง 2 ประเทศจึงควรใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้ และแก้ปัญหาความท้าทายที่ยังมีอยู่ในอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ การเกิดขึ้นของโควิด-19 ถือเป็นโอกาสสำคัญที่เราจะต้องโฟกัสไปที่การเปลี่ยนผ่านระบบต่าง ๆ สู่ “ดิจิทัล” อย่างจริงจัง รวมถึงการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ โดยภาคธุรกิจจะต้องกล้าใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ ให้มากกว่าที่เคย เนื่องจากทุกคนถือเป็นผู้เล่นรายสำคัญที่มีบทบาทสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจโลก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มิ.ย. 63)

Tags: , , , , , , , , ,
Back to Top