หุ้นไทยแนวโน้มเช้านี้ทรงตัวหลังไร้ปัจจัยใหม่หนุน-รอดูการปรับครม.

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งทรงตัวหลังไร้ปัจจัยใหม่หนุน แต่ยังรอดูหลายปัจจัยทั้งเรื่องการปรับครม.-การประกาศงบฯกลุ่มสถาบันการเงิน วันนี้มี TISCO, KTC ประกาศงบฯ ด้านตลาดภูมิภาคแกว่งบวกเล็กน้อย รอดูการประชุม EC จะพิจารณากองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจ 7.5 แสนล้านยูโร พร้อมให้แนวรับ 1,340-1,342 แนวต้าน 1,360 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งทรงตัว เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ขณะเดียวกันกำลังรอหลายปัจจัยทั้งเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มสถาบันการเงิน โดยวันนี้ TISCO และ KTC ก็จะประกาศงบฯออกมา

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียแกว่งในแดนบวกเล็กน้อย โดยต่างรอดูการประชุมคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งจะพิจารณาในเรื่องกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจ 7.5 แสนล้านยูโร พร้อมให้แนวรับ 1,340-1,342 จุด ส่วนแนวต้าน 1,360 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 ก.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,734.71 จุด ลดลง 135.39 จุด (-0.50%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,215.57 จุด ลดลง 10.99 จุด (-0.34%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,473.83 จุด ลดลง 76.66 จุด (-0.73%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 37.21 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 4.30 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 171.37 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 37.98 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.09 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 12.13 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 10.30 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ก.ค.63) 1,347.86 จุด ลดลง 6.45 จุด (-0.48%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,985.89 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 ก.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 ก.ค.63) ปิดที่ 40.75 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 45 เซนต์ หรือ 1.1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ก.ค.) อยู่ที่ -0.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.73/75 แนวโน้มอ่อนค่าเนื่อง ตลาดรอปัจจัยใหม่ ให้กรอบวันนี้ 31.70-31.80
  • ภาคเอกชนเชื่อปรับครม.เศรษฐกิจไม่มีปัญหา เพราะที่ปรึกษานายกฯยังใช้ชุดเดิม นโยบายน่าจะยังต่อเนื่อง แต่แนะตั้งคนที่มีความสามารถและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ที่สำคัญต้องบริหารเม็ดเงิน 1.9 ล้านล้านให้มีประสิทธิภาพ
  • กกพ.เคาะลดค่าเอฟที งวด ก.ย.-ธ.ค.63 ลง 0.83 สต.ต่อหน่วย ขณะที่แนวโน้มค่าไฟฟ้าปีหน้าลดลงตามราคาก๊าซฯ ที่ดิ่งลง สะท้อนราคาน้ำมันย้อนหลัง แต่ต้องจับตาตัวแปรสำคัญ การใช้ไฟฟ้าจะลดลงมากน้อยเพียงใดตามทิศทาง ศก. ยอมรับหากโควิด-19 ระบาดรอบ 2 หากรัฐให้ดูแลค่าไฟ ต้องจัดสรรเงินงบประมาณช่วยเหลือ
  • นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ประเมินอุตสาหกรรมไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว มั่นใจว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมจะฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ต้องไม่มีการระบาดซ้ำหรือกลับมาใช้มาตรการควบคุมโรคในระยะที่ 2 โดยเฉพาะใน 3 อุตสาหกรรมหลักที่มีการขยายตัวต่อเนื่องและตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ ได้แก่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เวชภัณฑ์และเคมีภัณฑ์รักษาโรค และอาหาร ขยายตัวเพิ่มขึ้น
  • แบงก์ชาติประเมินโควิด-19 รอบ 2 มาแน่ ลุ้นระบาดเล็กไม่เป็นไร แต่ถ้าระบาดใหญ่เงินกู้ 1 ล้านล้านก็เอาไม่อยู่ เศรษฐกิจดิ่งนรก work from home ไม่ต้องคิดเพราะไม่มีทั้งงาน และบ้าน ด้าน กนง.พร้อมลดดอกเบี้ยช่วย ขณะเดียวกันออกโรงการันตีประเทศไทย ยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด แม้เงินเฟ้อติดลบติดต่อกัน 4 เดือน ส่วนหนี้เน่า ย.ห.พุ่งขึ้นแน่ กระนั้นก็ยังมั่นใจเอาอยู่ ฐานะแบงก์พาณิชย์ยังแข็งแกร่ง

หุ้นเด่นวันนี้

  • PTTGC (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 50 บาท ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว, คลายล็อกดาวน์ช่วยเพิ่มดีมานด์ทั้งฝั่งปิโตรฯและโรงกลั่น และยังได้เปรียบต้นทุนเพราะ PTTGC ใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบราคาจะปรับขึ้นช้ากว่าคู่แข่งที่ใช้นาฟทาซึ่งราคาจะปรับขึ้นตามราคาน้ำมันทันที
  • ORI (เคทีบี) เป้าเชิงกลยุทธ์ 7.00 บาท ราคาหุ้นเด่นกว่าตัวอื่น แนวโน้มกำไรไตรมาส 2 คาด ยอด presales Q2/63 ยังทำได้ดีที่ 6.3 พันล้านบาท (+31% QoQ) และ 90% ของ presales ใน Q2/63 สามารถโอนได้ในปี 2563 นี้ โดยแนวโน้มกำไรที่จะดีขึ้นต่อเนื่องใน Q3-4/63 และกลับมาเติบโตได้ในปี 2564 ด้านราคาหุ้นปัจจุบัน valuation ยังต่ำสุดในกลุ่มที่ 2563 PER ที่ 6.5 เท่า ขณะที่ current P/E อยู่ที่ 5.3 เท่า
  • XO (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 10 บาท คาดกำไร Q2/63 new high +47% Q-Q, +393% Y-Y เป็น 69 ลบ. ได้อานิสงส์จากโควิด-19 ที่ทำให้ผู้บริโภคอยู่บ้านและทำอาหารทานเองมากขึ้น ความต้องการสินค้ากลุ่มซอสและน้ำจิ้มจึงสูงขึ้น แม้ลูกค้าเดิม Tesco UK ไม่กลับมา แต่ชดเชยได้จากลูกค้าเดิมที่มีความต้องการสูงขึ้น การขายเป็นสกุลเงินบาทราว 80% ลดความผันผวนของ FX ได้มาก คาดปีนี้กำไรกลับมาโต 75% ปีหน้าโตต่อเพราะล็อคราคาวัตถุดิบถึงสิ้นปีหน้าแล้ว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.ค. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top