เงินบาทเปิด 31.00 ต่อดอลลาร์ ตลาดรอลุ้นกนง.บ่ายนี้

เงินบาทเปิด 31.00 อ่อนค่าจากวานนี้ มองกรอบเคลื่อนไหว 30.90-31.10 ตลาดรอลุ้นกนง.บ่ายนี้

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 31.00 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 30.92/93 บาท/ดอลลาร์

สำหรับทิศทางบาทวันนี้มีแนวโน้มผันผวน โดยตลาดรอดูผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) หากมีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจะส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าได้ แต่หาก กนง.มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ย ตลาดคาดการณ์ว่าอาจส่งสัญญาณที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปในเดือน มี.ค.63

ส่วนความวิตกต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 นั้นเริ่มคลี่คลายว่าจะสามารถควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้ภายใน 2 สัปดาห์หลังจากนี้

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.90-31.10 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (4 ก.พ.) อยู่ที่ระดับ 0.95440% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.94024%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ 109.48 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 109.07/10 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1041 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1054/1055 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 30.9820 บาท/ดอลลาร์
  • คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประชุมครั้งที่ 1/2563
  • ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) วันนี้ จะพิจารณาปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มการส่งออกปีนี้ จากเดิมที่ กกร.ได้ประเมินว่าอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะเติบโต 2.5-3% ส่งออกเติบโต 0% ถึงติดลบ 2% และอัตราเงินเฟ้อ อยู่ที่ 0.8-1.5%
  • 5 ค่ายมือถือ ยื่นประมูล 5 จี กับ กสทช.ตามนัด ย้ำไทยต้องเปิดให้บริการก่อนโอลิมปิก 2020 คาดว่าจะได้เงินการประมูลมากกว่า 50,000 ล้านบาท
  • ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. เตรียมออกประกาศเกณฑ์การกำกับดูแลการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม (มาร์เก็ตคอนดักท์) ซึ่งจะเป็นการขยายขอบเขตไปยังสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ หรือแบงก์รัฐ นาโนไฟแนนซ์ และบริษัทบริหารสินทรัพย์ จากปัจจุบันเกณฑ์ถูกใช้กับธนาคารพาณิชย์เท่านั้น โดยการขยายเกณฑ์ดังกล่าวเพื่อให้การบริการของสถาบันการเงินมีความเป็นธรรม ไม่บังคับขายผลิตภัณฑ์ บอกข้อมูลแก่ลูกค้าครบถ้วน ไม่เอาเปรียบผู้บริโภค และต้องยึดถือจรรยาบรรณเป็นสำคัญ คาดใช้กลางปีนี้
  • ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท.คาดไตรมาสแรกของปี 2563 การส่งออกสินค้าไทยไปจีนจะได้รับความเสียหายประมาณ 2,000 ล้านบาท หรือ 0.87% ของมูลค่าส่งออก โดยสินค้าสำคัญที่จะได้รับผลกระทบได้แก่ผักผลไม้สด ที่จีนนำเข้าจากไทยจำนวนมาก เพราะจีนได้สั่งปิดการขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา
  • คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงวันนี้ ณ วันอังคารที่ 4 ก.พ. มีผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนเพิ่มขึ้นอีก 65 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตในจีนเพิ่มขึ้นเป็น 490 ราย ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 3,887 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 24,324 ราย
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ แถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในช่วงเช้าวันนี้ ตามคำเชิญของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ปธน.ทรัมป์ กล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “The Great American Comeback” โดยระบุว่า “เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเติบโตอย่างสดใส และช่วงเวลาแห่งความหม่นหมองทางเศรษฐกิจได้ผ่านพ้นไปแล้ว”
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.8% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2561 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2% หลังจากร่วงลง 1.2% ในเดือนพ.ย.
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ และจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโคโรนา หลังจากธนาคารกลางออกมาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาดการเงิน
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นกว่า 400 จุด นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.จาก ADP, ดุลการค้าเดือนธ.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนม.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ก.พ. 63)

Tags: , ,
Back to Top