ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดใหม่ 2 ราย เดินทางมาจากซูดานใต้-ญี่ปุ่น

  • ศบค.สรุปยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย วันนี้ (11.00 น.)
  • ผู้ติดเชื้อสะสม 3,636 คน (+2)
  • เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ = 0 ราย
  • เป็นผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) = 2 ราย
  • รักษาหายแล้ว 3,451 คน (+6)
  • ผู้ป่วยรักษาอยู่โรงพยาบาล 126 คน (-4)
  • เสียชีวิตสะสม 59 คน (+0)

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 2 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) โดยเดินทางมาจากซูดานใต้ 1 ราย และญี่ปุ่น 1 ราย

ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,636 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,445 ราย และผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 698 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มขึ้น 6 ราย รวมเป็น 3,451 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 126 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 59 ราย

รายละเอียดสำหรับผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากซูดานใต้ เป็นชายไทย อายุ 36 ปี อาชีพรับราชการ (ทหารช่างเฉพาะกิจ) เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 22 ก.ย. เข้าพักใน State Quarantine จ.ชลบุรี ผลตรวจครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ไม่พบเชื้อ ผลตรวจครั้งที่ 2-3 วันที่ 4 ต.ค. และวันที่ 6 ต.ค. ผลไม่ชัดเจน เมื่อตรวจครั้งที่ 4 วันที่ 9 ต.ค. ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ ส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากญี่ปุ่น เป็นหญิงสัญชาติญี่ปุ่น อายุ 36 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 24 ก.ย. เข้าพัก Alternative Sate Quarantine กรุงเทพฯ โดยผลตรวจครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ไม่พบเชื้อ และผลตรวจครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 5 ต.ค. พบเชื้อ ไม่มีอาการ ส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกล่าสุดมียอดผู้ติดเชื้อรวม 37,459,161 ราย เสียชีวิต 1,077,458 ราย โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 5 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา จำนวน 7,945,505 ราย , อินเดีย จำนวน 7,051,543 ราย , บราซิล จำนวน 5,091,840 ราย , รัสเซีย จำนวน 1,285,084 ราย และ โคลัมเบีย จำนวน 902,747 ราย ส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 140

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ต.ค. 63)

Tags: , , ,
Back to Top