ศาล รธน. มีมติให้สภาโหวตใหม่วาระ 2-3 ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63

ศาล รธน.แถลงมติเสียงข้างมากให้โหวตใหม่วาระ 2-3 ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63

ศาลรัฐธรรมนูญ แถลงอย่างเป็นทางการว่าได้มีมติเสียงข้างมากให้สภาผู้แทนราษฎรดำเนินการให้ถูกต้องในการขั้นตอนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 เฉพาะในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ

แต่การพิจารณาลงมติในวาระที่ 1 และในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการก่อนนำเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาออกเสียงลงมติเรียงตามลำดับมาตราในวาระที่ 2 ซึ่งได้เสร็จสิ้นไปก่อนที่จะมีการกระทำอันไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จึงเป็นขั้นตอนที่ชอบและมีผลสมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญแล้ว

จากนั้นให้เสนอร่าง พ.ร.บ.ที่แก้ไขให้ถูกต้องตังกส่วให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบเพื่อดำเนินการตามรัฐธรรมนูญต่อไป พร้อมทั้งให้สภาผู้แทนราษฎรรายงานผลการปฏิบัติตามคำบังคับต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 30 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำวินิจฉัย

ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า วันนี้จากการประชุมปรึกษาพิจารณาคดีกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) รวม 2 คำร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 148 วรรค 1 (1) ว่า ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า คดีนี้ไม่มีประเด็นให้วินิจฉัยเกี่ยวกับข้อความหรือเนื้อหาสาระของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้แต่อย่างใด ทั้งไม่มีประเด็นเกี่ยวกับความผิดทางอาญา หรือทางจริยธรรมของ ส.ส.คนใด คงมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาวินิจฉัยเฉพาะเรื่องกระบวนการตราร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เท่านั้น ส่วนบุคคลใดจะต้องรับผิดรับโทษอย่างไรหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องไปดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า การกระทำโดยไม่สุจริตใช้สิทธิออกเสียงลงมติแทนผู้ที่ไม่ได้อยู่ร่วมประชุมด้วยนั้นเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของการเป็น ส.ส.ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยไม่อยู่ในอาณัติมอบหมายของผู้ใด และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 114 ทั้งสมาชิกคนหนึ่งย่อมมีเสียงหนึ่งเสียงในการออกเสียงลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 120 วรรคสาม และการออกเสียงลงคะแนนจะกระทำแทนกันมิไต้ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 ข้อ 80 วรรคสาม

ข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏว่า ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เมื่อวันที่ 10 ม.ค.63 เวลาประมาณ 19.30 น.ถึงวันที่ 11 ม.ค.63 ซึ่งเป็นการพิจารณาวาระที่ 2 และ 3 ปรากฏการแสดงตนและลงมติของนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.ทั้งที่นายฉลอง รับเองว่าตนไม่อยู่ในที่ประชุมตามวันและเวลาดังกล่าว การที่ ส.ส.มิได้อยู่ในห้องประชุม แต่ปรากฏว่ามีการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติแทน

ย่อมมีผลเป็นการออกเสียงลงคะแนนที่ไม่สุจริต ทำให้ผลการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ในวันและเวลาดังกล่าวไม่สอดคล้องกับหลักนิติธรรมและไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

คดีนี้ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับข้อความอันเป็นสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ขัดหรือแยังต่อรัฐรรมนูญแต่อย่างใด แต่มีปัญหาที่กระบวนการตราร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ทำนั้น ทั้งข้อเท็จจริงในคดีนี้ก็ปรากฏชัดว่าการพิจารณาออกเสียงลงมติของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 1 ขั้นรับหลักการ และการพิจารณาของคณะกรรมาธิการก่อนเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเรียงตามลำดับมาตราในวาระที่ 2 ได้ดำเนินการไปโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทุกประการ ถือได้ว่าเป็นขั้นตอนที่เสร็จสิ้นไปโดยสมบูรณ์ก่อนแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่ประเทศชาติจะต้องได้กฎหมายฉบับนี้ไปช่วยแก้ปัญหาความล่าช้าและอุปสรรคในการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดินอีกด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.พ. 63)

Tags: , ,
Back to Top