ก.ล.ต.เล็งขึ้นทะเบียนผู้สอบบัญชีพร้อมนำมาตรฐานควบคุมใหม่มาใช้ปี 66

นายธวัชชัย เกียรติกวานกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. อยู่ระหว่างทบทวนพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ทั้งฉบับ เพื่อดำเนินการแก้ไขกฎหมายฯ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพิ่มอำนาจในการกำกับดูแลและตรวจสอบ โดยหนึ่งในการแก้ไขกฎหมายนอกจากจะมีประเด็นขอเพิ่มอำนาจสอบสวนคดีหลักทรัพย์เองแล้ว ยังมีประเด็นการเพิ่มอำนาจในการลงโทษผู้สอบบัญชี เช่น การเปรียบเทียบปรับ หรือการถูกเพิกถอนการเป็นผู้สอบบัญชี เป็นต้น

ทั้งนี้ จากเดิมตามมาตรา 61 สำนักงานก.ล.ต.มีอำนาจในการให้ความเห็นชอบผู้สอบบัญชี แต่ปัจจุบันสำนักงานสอบบัญชียังไม่มีการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานก.ล.ต. ซึ่งภายหลังจากการแก้ไขกฎหมายแล้ว สำนักงานสอบบัญชีที่จะเซ็นรับรองงบการเงินในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องขึ้นทะเบียนกับสำนักงาน ก.ล.ต. ถึงจะได้รับความเห็นชอบจากก.ล.ต. และเมื่อไม่ทำตามมาตรฐานก็จะมีบทลงโทษตามมา โดยคาดว่าจะเสนอเข้าคณะกรรมการ ก.ล.ต. พิจารณาภายในไตรมาส 2/64 และจะเสนอให้กระทรวงการคลัง เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และส่งต่อให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลคุณภาพงานสอบบัญชีในตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง โดยการติดตามดูแลคุณภาพการปฏิบัติงานของผู้สอบบัญชีในตลาดทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยเข้าตรวจระบบควบคุมคุณภาพงานสอบบัญชีทั้งในระดับสำนักงานสอบบัญชี และแต่ละงานสอบบัญชี เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบผู้สอบบัญชีในตลาดทุน และเพื่อให้แน่ใจว่า สำนักงานสอบบัญชีที่มีผู้สอบบัญชีในตลาดทุนสังกัดอยู่นั้นมีระบบควบคุมคุณภาพงานที่เพียงพอและน่าเชื่อถือว่าจะสามารถดูแลให้ผู้สอบบัญชีในสังกัดปฏิบัติงานให้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพบัญชีได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวสอดคล้องกับมาตรฐานการกำกับดูแลผู้สอบบัญชีสากล

อีกทั้งนอกเหนือจากการกำกับดูแลโดยการเข้าตรวจคุณภาพงานสอบบัญชีแล้ว ก.ล.ต. ยังให้ความสำคัญกับงานด้านการพัฒนาและให้ความรู้แก่ผู้สอบบัญชีในตลาดทุนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานวิชาชีพและพัฒนาการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งยังสนับสนุนให้สำนักงานสอบบัญชีที่ไม่ได้มีเครือข่ายในต่างประเทศรวมกลุ่มกันตั้งเป็นชมรมเพื่อให้ความช่วยเหลือกันทางด้านวิชาการ เช่น ร่วมกันพัฒนาคู่มือในการปฏิบัติงานสอบบัญชี การจัดอบรมร่วมกัน และการนำเครื่องมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการสอบบัญชีร่วมกัน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและยกระดับประสิทธิภาพการปฏิบัติงานสอบบัญชีและคุณภาพงานสอบบัญชีได้อย่างมีประสิทธิผล

นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า ก.ล.ต.จะนำมาตรฐานการควบคุมสำนักงานสอบบัญชีใหม่มาบังคับใช้ในปี 66 โดยจะเป็นมาตรฐาน ISQM1 ที่กำหนดให้สำนักงานสอบบัญชี จำเป็นต้องมีกรรมการอิสระอย่างน้อย 1 คน เพื่อช่วยคัดกรองการรับงานของสำนักสอบบัญชี รวมถึงผลักดันให้สำนักงานสอบบัญชี ใช้ระบบดิจิทัล (Data Analatic) ในการตรวจสอบบัญชีมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็ว

เนื่องจากในยุคปัจจุบัน ข้อมูลบัญชีมีจำนวนเพิ่มขึ้น ประกอบกับธุรกิจในยุคปัจจุบันมีความซับซ้อน นอกจากนี้ระบบควบคุณคุณภาพของสำนักสอบบัญชี ยังมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอด้วยเช่นกัน เนื่องจากพอร์ตโฟลิโอการรับงาน และพนักงาน ของสำนักสอบบัญชี มีการปรับเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ ทำให้การควบคุมคุณภาพจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้ทันด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ต.ค. 63)

Tags: , , ,
Back to Top