AWC เปิดศูนย์กลางค้าส่ง พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ เร็วขึ้น หวังเห็นมูลค่าซื้อขาย 1 พันลบ.

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเปิดตัว โครงการ “AEC TRADE CENTER-PANTIP WHOLESALE DESTINATION” ศูนย์กลางการค้าส่งใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำเดิมที่ได้มีการรีโนเวทใหม่

โดยใช้งบลงทุนราว 200 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในวันที่ 26 พ.ย.นี้ จากเดิมวางแผนจะเปิดในต้นปี 2564 และคาดหวังว่าจะมีมูลค่าการซื้อขายหมุนเวียนภายในศูนย์การค้าดังกล่าว ในเฟสแรก 1,000 ล้านบาท/เดือน ซึ่งน่าจะเห็นได้ตั้งแต่เดือนธ.ค.63 เป็นต้นไป และหากมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น ก็คาดว่าจะเห็นเงินสะพัดถึง 4,000-5,000 ล้านบาท/เดือน

ทั้งนี้ AEC TRADE CENTER เกิดจากแนวคิดของ AWC ในการพัฒนาศูนย์ค้าส่งครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค CLMT (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม ไทย) และเชื่อมโยงไปยังประเทศจีน เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้านานาชาติของอาเซียน จึงนำแนวคิดดังกล่าวมาพัฒนา AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTIATION ให้เป็นโครงการแฟล็กชิพของเออีซี เทรด เซ็นตอร์ ในฐานะศูนย์กลางการค้าส่งแบบวันสต็อป ครบวงจรใจกลางกรุงเทพฯ เป็นแห่งแรกของไทย มีพื้นที่รวมกว่า 30,000 ตร.ม. ที่ศูนย์กลางการค้าส่งพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ โดยภายในศูนย์การค้าส่งฯ แห่งนี้ จะประกอบไปด้วย พื้นที่แสดงสินค้า และศูนย์ SMEs Service Solution (SSS) ซึ่งจะมีสตูลดิโอถ่ายภาพ เพื่อให้ผู้ค้าสามารถใช้บริการถ่ายทอดสดออนไลน์ (Live Straming) ห้องประชุม และสัมนาขนาดย่อม พื้นที่ให้บริการคำปรึกษาด้านธุรกิจ ที่จะเชื่อมโยงกลุ่มผู้ซื้อ ทั้งผู้ผลิด ผู้ส่งออก และผู้นำเข้าสินค้า ทั้งภายในประเทศ ระหว่างภูมิภาคและทั่วโลกตลอดทั้งปี

นอกจากนั้นเพื่อให้เป็นศูนย์กลางการค้าส่งในภูมิภาคอย่างแท้จริง โครงการยังได้รับความร่วมมือจาก Yiwu หรือ Zhejiang China Commodities City Group Co.,Ltd (CCC Group) ผู้พัฒนาและบริหารตลาดค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากเมืองอี้อู ประเทศจีน มาเปิดศูนย์นำเข้าและส่งออกที่โครงการ โดยจะมีศูนย์แสดงสินค้าคุณภาพคัดสรร Yiwu Selection Thailand Showcase เพื่อให้โครงการเป็นศูนย์ค้าส่งระดับภูมิภาค ให้ผู้ซื้อจากต่างประเทศได้มาเลือกสินค้าที่ไทย และยังป็นช่องทางช่วยผู้ประกอบการส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนผ่านเครือข่าย IC Mall ของอี้อู

นางวัลลภา กล่าวว่า หลังจากเปิดตัวศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำโฉมใหม่แล้ว บริษัทฯ ก็เตรียมเปิดให้บริการแอพพลิเคชั่น Phenibox ในช่วงเดือนม.ค.64 จากปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาขึ้น เพื่อเป็นตัวสนับสนุนให้ผู้เช่าของโครงการสามารถดำเนินธุรกิจแบบออนไลน์ ในรูปแบบของ 020 ที่เชื่อมต่อออนไซต์และออนไลน์เข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้เช่าสามารถมีพื้นที่ขายออนไลน์ในรูปแบบของการขายส่งได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีฟีเจอร์การใช้งานที่ตอบโจทย์ ทั้งเรื่อง การทำใบเสนอราคา การแชทรับส่งข้อความแบบเรียลไทม์ การทำธุรกรรมการงินแบบออนไลน์ ระบบการขนส่งและโลจิสติก ฟังก์ชั่นการค้นหาสินค้าอัจฉริยะ และการจัดการซื้อขายในลักษณะกลุ่ม เป็นต้น

สำหรับศูนย์การค้าส่งฯ ปัจจุบันมีผู้เช่าเดิม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้าไอที คิดเป็น 10% ของพื้นที่ทั้งหมด โดยหลังจากการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมการค้า รวม 11 หน่วยงาน ประกอบด้วย สมาคมเฟอร์นิเจอร์ไทย, สมาคมการค้าของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทย, สมาคมเครื่องเขียนและเครื่องใช้สำนักงานไทย, สมาคมของขวัญของชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้าน, สมาคมธุรกิจไม้, สมาคมการค้านวัตกรรมการพิมพ์ไทย, สมาคมสินค้าตกแต่งบ้านและผลิตภัณฑ์ไลฟสไตล์, กลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สมาคมธุรกิจร้านอาหาร, สมาคมผู้ส่งออกเอสเอ็มอีไทย และสมาพันธ์ผลิตภัณฑ์ไลฟสไตล์ไทย คาดว่าจะสนับสนุนให้อัตราการเช่าพื้นที่ในศูนย์ค้าส่งฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 100% เนื่องจากปัจจุบันสมาคมมีสมาชิกรวมกว่า 100,000 ราย และมีผู้ที่สนใจเข้ามามากกว่าพื้นที่เช่าแล้ว

“ในช่วงเปิดตัวโครงการ AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION บริษัทฯ จะเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการทั้งผู้ผลิต ผู้ส่งออก และ ผู้นำเข้าสินค้า เข้าใช้โดยไม่เสียค่าเช่าพื้นที่เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยในการขยายช่องทางการค้าส่งในประเทศไทย และเชื่อมโยงผู้ประกอบการค้าส่งไทยกับตลาดค้าส่งนานาชาติในอนาคต ขณะที่หลังจากนั้นก็จะเริ่มเก็บค่าเช่าพื้นที่ แต่ปัจจุบันบริษัทฯ ยังไม่ได้ประมาณราคาค่าเช่าพื้นที่ดังกล่าว โดยอัตราค่าเช่าพื้นที่เดิมก่อนโควิด-19 อยู่ระหว่าง 800-7,000 บาท/ตารางเมตร/เดือน”

นางวัลลภา กล่าว

ณ สิ้นเดือนมิ.ย.63 บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรม คิดเป็น 51% ธุรกิจสำนักงาน คิดเป็น 33% และศูนย์การค้า คิดเป็น 16%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ต.ค. 63)

Tags: , , , , , ,
Back to Top