ทองคำนิวยอร์กปิดบวก 11.9 ดอลล์ ฟื้นตัวทางเทคนิคสวนทางตลาดหุ้นลบ

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) โดยดีดตัวขึ้นทางเทคนิค หลังจากร่วงลงในช่วงที่ผ่านมาสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์ และสัญญาทองยังได้แรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดเพิ่มขึ้นทั่วโลก แต่สัญญาทองก็ยังคงปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 11.90 ดอลลาร์ หรือ 0.64% ปิดที่ 1,879.90 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาทองคำ ลดลง 1.3% ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกัน 3 สัปดาห์ และในรอบเดือนต.ค. ลดลง 0.8%

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 28.6 เซนต์ หรือ 1.22% ปิดที่ 23.646 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.1 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ 848.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 18.70 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 2,217.20 ดอลลาร์/ออนซ์

บรรดานักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่เพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐและยุโรป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจตามมา

นอกจากนี้ ราคาทองยังได้แรงหนุนจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงด้วย โดยดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ และปรับตัวลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ต่างๆ หลังจากการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ และความกังวลเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.นี้

อย่างไรก็ตาม ราคาทองลดช่วงบวกลง หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐได้ลดความน่าดึงดูดใจของทองในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.0% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนส.ค.

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากดีดตัวขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE เพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.4% เช่นกันในเดือนส.ค.

ดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานดีดตัวขึ้น 1.5% ในเดือนก.ย.

ส่วนผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 81.8 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 81.2 จากระดับ 80.4 ในเดือนก.ย.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ต.ค. 63)

Tags: , , ,
Back to Top