ซีอีโอ HKEX ผิดหวังจีนสั่งเบรก “แอนท์ กรุ๊ป” เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง

นายหลี่ ชาร์ลส์ ซีอีโอของ บริษัท ฮ่องกง เอ็กซ์เชนจ์ แอนด์ เคลียริ่ง ลิมิเต็ด (HKEX) ซึ่งเป็นผู้บริหารตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แสดงความผิดหวังต่อการที่จีนระงับการจดทะเบียนหุ้นแอนท์ กรุ๊ป (Ant Group) ในตลาดหุ้นฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ โดยแอนท์ กรุ๊ป เป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงินของจีน และเป็นบริษัทในเครือของอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง

นายหลี่เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวของซีเอ็นบีซีว่า “เมื่อคุณได้เห็นการทำธุรกรรมที่ใหญ่ขนาดนี้ต้องถูกระงับลง คุณจะมีความรู้สึกที่หลากหลายมาก ในแง่หนึ่ง ผมรู้สึกผิดหวังอย่างมากที่ข้อเสนอนี้ต้องถูกเลื่อนออกไปและระงับลงในที่สุด แต่ในทางกลับกัน ผมก็ค่อนข้างโล่งใจเมื่อรู้ว่า อาจจะมีกฎระเบียบใหม่ออกมาและจะเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับภูมิทัศน์ของตลาดในอนาคต”

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากเจ้าหน้าที่ของจีนซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางจีน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคารของจีน ได้เรียกตัวนายแจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง และผู้บริหารอีก 2 คนของแอนท์ กรุ๊ป เข้าพบในวันที่ 3 พ.ย. ก่อนที่แอนท์ กรุ๊ป จะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ในวันที่ 5 พ.ย.

ต่อมา แอนท์ กรุ๊ป ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงถึงความจำเป็นที่จะต้องระงับการจดทะเบียนหุ้น H Share ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยระบุในแถลงการณ์ว่า “เจ้าหน้าที่จีนได้สั่งระงับการจดทะเบียนหุ้น A Share ในตลาด STAR Market ของจีน เนื่องจากทางบริษัทไม่เข้าเกณฑ์การจดทะเบียนหุ้นดังกล่าว หลังจากที่มีการเรียกพบผู้บริหารของบริษัท ทำให้การจดทะเบียนหุ้น H Share ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงได้ถูกระงับไปด้วย”

ทั้งนี้ หุ้น H-share เป็นหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจในจีน แต่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และมีการซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกง ส่วนหุ้น A-share เป็นหุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จีน และมีการซื้อขายในรูปสกุลเงินหยวน

การระงับการจดทะเบียนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ ได้ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายของแอนท์ กรุ๊ปในการระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) สูงถึง 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการทำ IPO ครั้งใหญ่ที่สุดของโลก โดยหากประสบความสำเร็จจะสามารถทำลายสถิติเดิมที่บริษัทซาอุดี อารามโคทำไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ย. 63)

Tags: , , , , , ,
Back to Top