คาดวอลล์สตรีทดีดตัวคืนนี้ หลังดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งเกือบ 300 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นเกือบ 300 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ หลังดิ่งลงในการซื้อขายวานนี้

ณ เวลา 17.31 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 282 จุด หรือ 0.97% สู่ระดับ 29,274 จุด

อย่างไรก็ดี หุ้นดิสนีย์และซิสโก้พุ่งขึ้นในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวันนี้ ขานรับผลประกอบการที่สดใส

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมากในสหรัฐ ซึ่งทำให้หลายรัฐประกาศใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มธนาคารซึ่งมีความอ่อนไหวต่อทิศทางเศรษฐกิจได้ร่วงลงอย่างหนัก ขณะที่หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญดิ่งลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น

ด้านนายแพทย์ไมเคิล ออสเตอร์โฮล์ม ที่ปรึกษาด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ เสนอให้มีการล็อกดาวน์สหรัฐเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนกว่าจะมีการอนุมัติและจำหน่ายวัคซีนต้านโควิด-19

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า ความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ถือเป็นข่าวดีในระยะกลาง แต่ก็ยังคงมีความท้าทายและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกำหนดเวลาในการผลิต แจกจ่าย และประสิทธิภาพของวัคซีนในกลุ่มประชากรที่แตกต่างกัน

“ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินได้อย่างเชื่อมั่นต่อผลบวกของวัคซีนต่อทิศทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในระยะใกล้” นายพาวเวลกล่าววานนี้ในการเสวนาผ่านระบบออนไลน์ร่วมกับนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) และนายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)

นายพาวเวลยังกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวค่อนข้างช้า แต่ยังคงมีแนวโน้มแข็งแกร่ง โดยความเสี่ยงหลักมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี แถลงว่า ผลการทดลองบ่งชี้ว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทั้งสองบริษัทพัฒนาร่วมกัน มีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สำหรับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน

ไฟเซอร์จะยื่นจดทะเบียนวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะมีการผลิตวัคซีน 50 ล้านโดสภายในปีนี้ และ 1,300 ล้านโดสในปีหน้า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ย. 63)

Tags: , ,
Back to Top