หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มแกว่งไซด์เวย์-มีโอกาสพักฐานหลังมูลค่าหุ้นตึงตัว

นักวิเคราะห์ฯเล็งตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ออกด้านข้าง-มีโอกาสพักฐาน หลังราคาหุ้นขึ้นไปพอควร-ส่งมูลค่าหุ้นตึงตัวจากเทรด P/E กว่า 18 เท่า-สัญญาณเทคนิคเชิงลบด้วย นอกจากนี้ยังวิตกเรื่องหญิงไทยที่จ.เชียงใหม่ติดเชื้อโควิด-19 หวั่นจะลาม พร้อมให้ติดตาม MSCI ปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยวันนี้-แบงก์ชาติแถลงตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค.-ตัวเลข PMI ภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการของจีน ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวก-ลบ พร้อมให้แนวรับ 1,430 แนวต้าน 1,445-1,454 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ออกด้านข้าง มีโอกาสที่จะพักฐานได้ เนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไปพอควรแล้ว ทำให้ประเมินมูลค่าหุ้นค่อนข้างจะตึงตัว เทรด P/E กว่า 18 เท่า และสัญญาณทางเทคนิคออกมาในเชิงลบด้วย

นอกจากนี้ยังมีความเป็นห่วงเรื่องที่สาวไทยที่จ.เชียงใหม่ได้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งต้องติดตามการติดเชื้อจะลามไปหรือไม่ และติดตามวันนี้ MSCI ปรับน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทย โดยหุ้นไทยถูกลดน้ำหนักลงจาก 1.91% เป็น 1.87% คิดเป็นเม็ดเงินออก 114 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงวันนี้ให้ติดตามธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะแถลงตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค. อีกทั้งติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการของจีนที่จะออกมาวันนี้

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้แนวรับ 1,430 จุด ส่วนแนวต้าน 1,445-1,454 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,910.37 จุด เพิ่มขึ้น 37.9 จุด หรือ +0.13%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,638.35 จุด เพิ่มขึ้น 8.7 จุด หรือ +0.24% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,205.85 จุด เพิ่มขึ้น 111.44 จุด หรือ +0.92%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 9.85 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 185.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 50.56 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 14.60 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 14.07 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 41.29 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.82 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 พ.ย.63) 1,437.78 จุด เพิ่มขึ้น 4.22 จุด (+0.29%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 487.75 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 พ.ย.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.64 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 พ.ย.63) ปิดที่ 45.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 18 เซนต์ หรือ 0.8%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 พ.ย.63) อยู่ที่ 1.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.28 แนวโน้มทรงตัวรอปัจจัยใหม่ ให้กรอบวันนี้ 30.20-30.35
  • คลัง-ธปท.-ก.ล.ต.ถก ตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 1 แสนล้านบาท แหล่งทุนช่วยธุรกิจท่องเที่ยวหลังแบงก์ไม่ปล่อยกู้ ก.ล.ต.เล็งออกเกณฑ์ตั้งกองรีทรูปแบบใหม่หนุนไตรมาส 4 สศช.ชี้ตั้งกองทุนช่วยเพิ่มสภาพคล่อง รัฐลดต้นทุนการเงิน ประชาชนได้ผลตอบแทน ททท.ลุ้นต่อลมหายใจผู้ประกอบการ “สมาคมโรงแรม” เร่งรัฐประคองสภาพคล่อง
  • กรมทางหลวง เร่งเคลียร์ปมปรับแบบมอเตอร์เวย์ “บางปะอิน-นครราชสีมา” 17 สัญญา ในกลาง ธ.ค.นี้ เร่งชง ครม.เคาะเพิ่มงบอีก 5 พันล้านบาท “ศักดิ์สยาม” เร่งเซ็นสัญญา O&M สายบางใหญ่ กับ BSGR ใน ม.ค.64 ส่วนบางปะอิน ต้องรอหลังได้ข้อยุติการปรับแบบ
  • นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รับทราบรายงานที่ บริษัท S&P Global Ratings (S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) เนื่องจากประเทศไทยมีความเข้มแข็ง ภาคการคลังและภาคการเงินต่างประเทศอยู่ในระดับสูง
  • ธนาคารพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาคมธนาคารไทยได้หารือกับสมาชิกเป็นการด่วนถึงแนวทางการช่วยเหลือลูกหนี้ในระยะต่อไปซึ่งจะจัดแบ่งกลุ่มลูกหนี้ตามความสามารถในการแข่งขันหรือความแข็งแรงของธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อให้ความช่วยเหลือแตกต่างตามความจำเป็นโดยสมาคมธนาคารไทยจะเสนอผ่านคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ไปยังศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา

หุ้นเด่นวันนี้

  • JR (บมจ. เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยมีราคาขาย IPO ที่ 5.50 บาท/หุ้น ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส (เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายฯ) แนะ”ซื้อ”ให้ราคาเป้าหมาย 8.80 บาท Backlog ณ สิ้น Q3/63 สูงถึง 6,170 ล้านบาท รองรับการเติบโตในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าและ Secured ประมาณการรายได้แล้ว 80% โดยคาดกำไรสุทธิปี 2563-2565 เติบโตก้าวกระโดด 80.3% CAGR โดยบริษัทให้บริการรับเหมาฯก่อสร้างและติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและสื่อสารฯ มีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานในปี 2563-2565 ที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการได้งานเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินตามเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง
  • SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 17 บาท แนวโน้มกำไร Q4/63 ยังโตไม่เต็มศักยภาพเพราะจำนวนวันขายสินค้า Apple น้อยกว่าปีก่อนๆและยังมีปัญหาสินค้าขาดตลาด แต่ด้วย Product mix ที่ดีทำให้คาดว่ากำไรปกติ +7% Q-Q, +46% Y-Y ส่วนแนวโน้มปี 2564 สดใสจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การมาของ 5G การเร่งขยายลงทุนของภาครัฐและเอกชน รวมถึงตลาด Gaming ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้รายได้คาดเร่งตัวขึ้น ขณะที่ Gross Margin ตั้งเป้าที่ 5% เทียบกับ 9M63 ที่ 4.5% พร้อมคาดกำไรปี 2563-2565 เติบโตเฉลี่ย 17% CAGR
  • COM7 (กรุงศรี)“ซื้อ”เป้า IAA Consensus 46 บาท Apple วางจำหน่ายiPhone 12 เป็นทางการหนุนยอดขายมือถือและ Accessories เพิ่มขึ้น และ COM7 ยังเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่คาดว่าจะได้ปรับเข้าคำนวณในดัชนี SET50 รอบใหม่ เบื้องต้นคาดประกาศรายชื่อ 18 ธ.ค. มีผล 1 ม.ค.-30 มิ.ย.64

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 พ.ย. 63)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top