หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มแกว่งไซด์เวย์-อิงขึ้น รับผลประชุมเฟด-เล็งคืบหน้าวัคซีน

นักวิเคราะห์ฯเล็งตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway up หลังผลประชุมเฟดออกมาคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ-คงทำ QE ซึ่งเป็นไปตามตลาดคาดไว้ แต่ยังต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะตกลงกันได้เมื่อใด-ติดตามความคืบหน้า Brexit แต่ตลาดได้แรงหนุนจากความคืบหน้าวัคซีนต้านโควิด-19 เล็ง FDA อนุมัติใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของ”โมเดอร์นา”-คาดหวังเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัว แต่ดัชนีฯไม่ผ่าน 1,495 ทำให้หวั่นเผชิญแรงขายทำกำไรรอบใหม่ หลังต่างชาติชะลอซื้อ ขณะที่กองทุนขายมาก และหุ้นไทยขึ้นไปมากแล้วก็พร้อมเผชิญแรงขายได้ทุกเมื่อ พร้อมให้แนวรับ 1,475-1,466 แนวต้าน 1,490-1,495 จุด

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้โดยรวมน่าจะเป็นลักษณะของการแกว่ง Sideway up หลังจากที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% พร้อมระบุว่า เฟดจะยังคงใช้เครื่องมือทุกอย่างในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเพื่อให้มีการจ้างงานเต็มศักยภาพ และเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นเหนือระดับเป้าหมาย 2% อีกทั้งเฟดจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ อย่างไรก็ดี จะต้องจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะตกลงกันได้เมื่อใด และติดตามความคืบหน้าเรื่องอังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ด้วย

นอกจากนี้ ตลาดฯยังมีปัจจัยบวกจากความคืบหน้าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) จะอนุมัติให้ใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นาได้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งการมีวัคซีนต้านโควิดก็ทำให้คาดหวังได้ว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัว

อย่างไรก็ดี ดัชนีฯยังไม่ผ่าน 1,495 จุด ก็ทำให้มีโอกาสที่จะปรับตัวลงได้จากแรงขายทำกำไรรอบใหม่ ซึ่งช่วงหลังมานี้นักลงทุนต่างชาติก็ไม่ซื้อมาก ขณะที่กองทุนมีการขายออกมามาก และหุ้นไทยก็ปรับขึ้นไปมากแล้วทำให้เผชิญแรงขายทำกำไรออกมาได้ทุกเมื่อ ดังนั้น การที่ต่างชาติชะลอการลงทุนก็ทำให้มีการหันมาเล่นหุ้นขนาดกลาง-เล็กกันมากขึ้น และพรุ่งนี้ก็จะมีการปิดสถานะของอนุพันธ์ทำให้อาจมีแรงขายออกมามากได้

พร้อมให้แนวรับ 1,475-1,466 จุด ส่วนแนวต้าน 1,490-1,495 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,154.54 จุด ลดลง 44.77 จุด (-0.15%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,658.19 จุด เพิ่มขึ้น 63.13 จุด (+0.50%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,701.17 จุด เพิ่มขึ้น 6.55 จุด (+0.18%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.30 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 12.90 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 148.15 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 21.70 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.90 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.83 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.85 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ธ.ค.63)1,482.09 จุด เพิ่มขึ้น 4.88 จุด (+0.33%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,167.43 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.64 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 ธ.ค.63) ปิดที่ 47.82 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ธ.ค.63) อยู่ที่ 0.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 29.98/30.10 แนวโน้มยังแข็งค่าต่อเนื่อง ให้กรอบวันนี้ 29.90-30.10
  • 3 สมาคม อสังหาฯ ยื่น 5 ข้อเสนอแนะกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคธุรกิจอสังหาฯ ต่อ กระทรวงการคลัง เชื่อรัฐหนุน ต่อมาตรการเดิม พร้อมเพิ่มเติมมาตรการกระตุ้นตัวใหม่ วอนยกเลิก LTV ชั่วคราวช่วยลดยอดปฏิเสธสินเชื่อ ส่งเสริมประชาชนมีที่อยู่อาศัยของตนเอง เผยคืบหน้างานมหกรรมบ้านฯ ขยายเพิ่มพื้นที่จัดงานเป็น 3 ฮอล์ หลังอสังหาฯ แห่ร่วมออกบูทกว่า 260 ราย ขนกว่า 1,000 โครงการร่วมบูม มั่นใจคนร่วมงานไม่ต่ำกว่า 1 แสนราย คาดยอดขายในงานกว่า 4,000 ล้านบาท
  • บล.เอเซีย พลัส คาดกองทุนไทย ขายทำกำไรต่อเนื่องถึงสัปดาห์หน้า หลังดัชนีปรับตัวขึ้นแรงก่อนมีแรงซื้อกลับช่วงสิ้นปีจากการทำ “วินโดว์เดรสซิ่ง” ด้าน บลจ.พรินซิเพิลชี้หากดัชนีแตะ 1,400 จุด มองเป็นโอกาสเข้าซื้อ ด้านบลจ.กรุงไทยประเมินหุ้นไทย 2 สัปดาห์สุดท้ายผันผวน
  • นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง บมจ.ท่าอากาศยานไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาขยายท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 วงเงิน 3.2 หมื่นล้านบาทว่า ทอท.อยู่ระหว่างจัดทำรายงานการเปลี่ยนแปลงด้านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เสนอให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณา เนื่องจากเนื้องานโครงการมีการเปลี่ยนแปลงจากรายงานอีไอเอฉบับเดิม ในปี 2543 ซึ่งจัดทำมาตั้งแต่ช่วงการก่อสร้างสนามบินดอนเมือง โดยครั้งนี้ ทอท.จะมีการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่แห่งที่ 3 บริเวณอาคารภายในประเทศหลังเดิมที่ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานเพิ่มเติม ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมองว่า อาจจะทำให้ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงไป จึงให้ ทอท. จัดทำรายงานประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติมมาใหม่
  • “จุรินทร์” เปิดตัวโครงการ “พาณิชย์ลดกระหน่ำข้ามปี!” จับมือห้าง ผู้ประกอบการ ลดราคาครั้งใหญ่ที่สุด มากที่สุดนานที่สุดทั่วทั้งประเทศ มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทยมีสินค้าเข้าร่วมกว่า 22,000 รายการ ค่าบริการกว่า 500 รายการ ลดสูงสุด 87% รวม 45 วัน คาดช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท

หุ้นเด่นวันนี้

  • RBF (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 12 บาท แนวโน้ม Q4/63 ยังแข็งแรงต่อเนื่องเพราะเป็น High Season และลูกค้ามีการออกสินค้าใหม่ และได้ประโยชน์ทางอ้อมจากมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของภาครัฐทั้งคนละครึ่งและช้อปดีมีคืน ล่าสุดเริ่มดำเนินงานโรงงานที่เวียดนามแล้วคาดช่วยทำให้นทุนค่าขนส่งปรับลดลง โดยคาดกำไรปี 2563-2564 +46% Y-Y และ +18% Y-Y ตามลำดับ
  • MAJOR (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 23 บาท เก็งกำไรกับภาพยนตร์เรื่อง “Wonder Woman” เข้าฉายวันนี้คาดทำรายได้พุ่งหนุนงบ Q4/63 ของ MAJOR มีลุ้นพลิกเป็นบวก
  • AMATA (กสิกรไทย) “ซื้อ”ปรับเพิ่มเป้าเป็น 21.60 บาท จาก 17.70 บาท เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการกำไรและลดอัตราคิดลด NAV ลงเป็น 40% จาก 50% ความคืบหน้าของความพร้อมด้านวัคซีนต้านโควิด-19 และการใช้จ่ายชดเชยอุปสงค์ที่ค้างจากช่วงก่อน (Pentup Demand) จำนวนมากในไทยและเวียดนามคือปัจจัยที่สนับสนุนมุมมอง คาดว่ายอดขายที่ดินและกำไรที่ดีในไตรมาส 4/2563 จะหนุนให้ราคาหุ้นปรับสูงขึ้นในระยะสั้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ธ.ค. 63)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top