กกร. ปรับลดคาดการณ์จีดีพี ปี 63 มาที่ 1.5-2.0% จากผลกระทบโควิด-19

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมกกร. ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 63 มาที่ 1.5-2.0% จากเดิมที่คาดไว้เมื่อเดือน ก.พ.63 ที่ 2.0-2.5%

ขณะที่ยังคงประมาณการส่งออกและเงินเฟ้อไว้ตามเดิม จากผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ที่ขยายเป็นวงกว้างทั้งต่อภาคธุรกิจและการจ้างงานโดยฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวและห่วงโซ่การผลิตอุตสาหกรรม

แม้ภาครัฐกำลังอยู่ระหว่างเตรียมมาตรการเพื่อประคองเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ที่ประชุม กกร. ประเมินว่า ผลกระตุ้นจากมาตรการฯ อาจจะไม่สามารถชดเชยผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ที่ขยายเป็นวงกว้าง โดยจากเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยในเดือน ม.ค.63 ที่เริ่มส่งสัญญาณการชะลอตัวลงในแทบทุกรายการ ที่ประชุม กกร. คาดว่า ในช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย. เครื่องชี้ต่างๆ น่าจะยิ่งสะท้อนถึงสถานการณ์เศรษฐกิจที่ซบเซาลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทิศทางเศรษฐกิจหลังจากนั้นคงจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทยเป็นสำคัญ

“เป็นครั้งแรกที่ กกร.มีการปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 63 ในทุกเดือนของไตรมาสแรก เนื่องจากสถานการณ์ที่เป็นปัจจัยลบไม่ได้ทุเลาเบาบางลง โดยคาดว่าปัญหาโควิด-19 น่าจะคลี่คลายลงได้ในเดือน มิ.ย.63”

กรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2563 ของกกร.

%YOY  ปี 2562 ปี 2563 (ณ ก.พ.63) ปี 2563 (ณ มี.ค.63)
GDP 2.4 2.0-2.5 1.5-2.0
ส่งออก -2.7 -2.0 ถึง 0.0 -2.0 ถึง 0.0
เงินเฟ้อ  0.7 0.8-1.5 0.8-1.5

สำหรับความเสียหายเรื่องผลกระทบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดว่าจะยืดเยื้อเพียงใดหากสามารถยุติปัญหาได้เร็ว และรัฐบาลมีมาตรการออกมากระตุ้นเศรษฐกิจก็จะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาได้เร็ว

โดยเบื้องต้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มากสุด ส่วนอุตสาหกรรมอื่นๆ นั้นก็มีผลกระทบแตกต่างกันไป หากเป็นอุตสาหกรรมที่แข่งขันกับจีนก็ได้ผลดี แต่ถ้าเป็นอุตสาหกรรมที่พึ่งพาตลาดหรือวัตถุดิบ
จากจีนก็จะได้รับผลเสีย

ทั้งนี้ เพื่อประคองเศรษฐกิจและภาคธุรกิจให้รอดพ้นจากวิกฤติไวรัสโควิด-19 เฉพาะหน้านี้ไปได้ กกร.คาดหวังให้ภาครัฐออกมาตรการทั้งด้านการคลังและด้านการเงินอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการลดภาระค่าใช้จ่ายและเติมสภาพคล่องให้กับธุรกิจต่างๆ ขณะเดียวกันก็เตรียมการรับมืออย่างเพียงพอสำหรับความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดการแพร่ระบาดของโรคในประเทศไทย

นอกจากนี้ ที่ประชุม กกร. เห็นว่าภาครัฐควรมีการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) เพื่อเป็นกลไกการดำเนินงานร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนในการผลักดันประเด็นที่เกี่ยวข้องทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ

นายสุพันธุ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) วันที่ 6 มี.ค.นี้ เป็นครั้งแรกที่มีตัวแทน กกร.เข้าร่วมประชุม ซึ่งจะได้เสนอความเห็นของภาคเอกชนให้รัฐบาลได้โดยตรง อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในขณะนี้ต้องยอมรับว่าประเทศไทยยังคงเป็นที่ที่มีความปลอดภัยในการลงทุน

“ชั่วโมงนี้นักลงทุนจะย้ายไปไหน ปัญหาโควิด-19 ก็ระบาดไปทั่วโลกหมดแล้ว”

นายสุพันธุ์ กล่าว

ส่วนกรณีที่จะมีกระแสการปรับ ครม.แล้วจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจหรือไม่ นายสุพันธุ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับภาพลักษณ์และคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่ามีความเหมาะสมหรือไม่

ด้านนายปรีดี ดาวฉาย นายกสมาคมธนาคารไทย กล่าวถึงทิศทางดอกเบี้ยว่า การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) นั้นคงต้องพิจารณารอบด้านเพื่อให้เกิดความสมดุล ไม่สามารถพิจารณาจากปัจจัยเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพราะหากลดดอกเบี้ยอาจส่งผลให้เงินทุนไหลออก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มี.ค. 63)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top