FETCO ปรับเพิ่มเป้าดัชนีสิ้นปีนี้เป็น 1,680 จุด เปิดประเทศหนุน ก่อนมองแตะ 1,800 จุดปี 65

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ทาง FETCO ได้ปรับประมาณการดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET) เพิ่มเป็น 1,680 จุด จากเดิมที่ 1,650 จุด ในสิ้นปี 64 และคาดว่าในปี 65 ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเพิ่มขึ้นกลับไปแตะระดับ 1,800 จุด ได้อีกครั้ง

เนื่องจากมองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่ายังมีทิศทางการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อจากครึ่งปีแรก และภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลกในภาพรวมก็มองว่ายังมีปัจจัยหนุนในการปรับตัวขึ้นจากการที่สภาพคล่องยังมีอยู่มาก อัตราดอกเบี้ยต่ำ และกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ยังเติบโตขึ้น ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยที่ปรับเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อแต่อาจจะเป็นการปรับตัวขึ้นที่ไม่ร้อนแรงเหมือนกับครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งตั้งแต่ช่วงปลายปี 63 มาถึงครึ่งปีแรกของปี 64 ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากการอัดฉีดเม็ดเงินของธนาคารกลางต่างๆทั่วโลก ทำให้มีเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้นเกิดใหม่เข้ามา และการปรับกลุ่มหุ้นที่นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้น Value จากการเริ่มกลับมาเปิดเมืองในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

แม้ว่าปัจจุบันประเทศไทยยังคงได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ที่ยังไม่คลี่คลายลง แต่มองในระยะต่อไปหากมีจำนวนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนเพิ่มขึ้นมากในช่วงครึ่งปีหลัง รวมไปถึงการท่องเที่ยวที่จะเริ่มทยอยกลับมาบ้างหลังจากในวันที่ 1 ก.ค. 64 จะมีการเปิดภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ จะทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยยังสามารถประคองการฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง โดยในปีนี้ปัจจัยที่หนุนเศรษฐกิจไทยเป็นหลัก คือ ภาคการส่งออกที่เติบโตขึ้นโดดเด่น แต่ยังขาดปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่เข้ามาช่วยหนุนเศรษฐกิจไทย

นอกจากนี้หากพิจารณาจากกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยในปีนี้ยังมีทิศทางการเติบโตที่ดีจากฐานที่ต่ำในปีก่อน ทำให้ประเมินว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนไทยในปี 64 จะเติบโตขึ้น 56% ในปี 64 และคาดว่าในปี 65 จะยังสามารถเติบโตขึ้นได้ 15% สะท้อนภาพของการกลับมาฟื้นตัวขึ้นและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังโอกาสของเม็ดเงินจากต่างชาติจะไหลเข้ามาในตลาดหุ้นเกิดใหม่จะมากขึ้น หลังจากปัจจุบันที่ไหลกลับเข้าไปในตลาดหุ้นที่พัฒนาแล้วในสหรัฐฯและยุโรป ซึ่งเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว แต่มองว่าระยะต่อไปเศรษฐกิจในตลาดหุ้นเกิดใหม่จะค่อยๆกลับมาฟื้นตัวตาม และจะทำให้มีเม็ดเงินไหลกลับเข้ามา

ขณะเดียวกันในครึ่งปีหลังคาดว่ากลุ่มหุ้นที่จะเข้ามาช่วยผลักดันดัชนีจะเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการกลับมาเปิดเมืองและเปิดประเทศ หรือกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการ Reopening ซึ่งตลาดหุ้นไทยมีหุ้นที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มดังกล่าวค่อนข้างมาก และเป็นหุ้นกลุ่ม Value ที่จะสามารถดึงดูดเม็ดเงินเข้ามา ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ในช่วงครึ่งปีหลัง

ส่วนปัจจัยความเสี่ยงของการชะลอการอัดฉีดเม็ดเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มองว่าไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยมาก เพราะเม็ดเงินต่างชาติที่อยู่ในตลาดหุ้นไทยตอนนี้มีอยู่น้อย และอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นเพียงแค่ปัจจัยชั่วคราว ไม่ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯก่อนปี 66

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 มิ.ย. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top