วิจัยกรุงศรี คาดว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเผชิญกับความเสี่ยงขาลงและยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะจากการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด การจัดหาและการกระจายวัคซีน
การส่งออกที่เติบโตดีในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาช่วยหนุนการผลิตภาคอุตสาหกรรม แต่การใช้จ่ายในประเทศทรุดลงต่อเนื่องจากการระบาดโควิด-19 ระลอก 3 โดยดัชนีการบริโภคภาคเอกชนเดือน พ.ค. 64 หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 (-3.1% MoM sa) ตามการลดลงในทุกหมวดการใช้จ่าย ผลกระทบจากการระบาดรอบสามของโควิด-19 มาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวด จำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นทรุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ แม้มาตรการภาครัฐจะช่วยพยุงกำลังซื้อภาคครัวเรือนได้บางส่วน เช่นเดียวกับดัชนีการลงทุนภาคเอกชนหดตัวลงมาที่ -2.3% จากเดือนก่อนหน้า ตามอุปสงค์ในประเทศและความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่ทรุดลง ทำให้การลงทุนลดลงทั้งในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ และหมวดก่อสร้าง
ขณะที่ภาคท่องเที่ยวยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียงเล็กน้อย มีจำนวนเพียง 6,052 คน จากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ และการท่องเที่ยวในประเทศได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกสาม แต่มูลค่าการส่งออกที่เติบโตดีต่อเนื่องถึง 44% รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ทำให้การส่งออกปรับดีขึ้นและกระจายตัวทั้งในตลาดและหมวดสินค้า และช่วยหนุนให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมทรงตัวจากเดือนก่อนในช่วงที่อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอ
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงปลายเดือนมิ.ย. 64 ทำให้ทางการต้องยกระดับมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล และอีก 4 จังหวัดภาคใต้ รวมถึงจำกัดกิจกรรมในพื้นที่ดังกล่าวที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาด เช่น การก่อสร้าง การนั่งรับประทานในร้านอาหาร เป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน มีผลตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. 64 ขณะเดียวกันรัฐบาลได้อนุมัติมาตรการวงเงิน 8.5 พันล้านบาท เพื่อเยียวยาแรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมที่เข้มงวดดังกล่าว
วิจัยกรุงศรีได้ทบทวนประมาณการจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของไทยอีกครั้งโดยใช้ข้อมูลถึงวันที่ 28 มิ.ย.64 การคาดการณ์อยู่บนพื้นฐานของแบบจำลอง SIR ใช้ข้อมูลจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันผนวกเข้ากับ mobility index ผลการประมาณค่าด้วยสมมติฐานแบ่งออกเป็น 3 กรณี ดังนี้
1) Best case การติดเชื้อในอนาคตจะมีรูปแบบคล้ายคลึงกับรูปแบบการติดเชื้อจากจำนวนตัวอย่างทั้งหมดในอดีต (บนสมมติฐานว่าลักษณะการแพร่เชื้อและการควบคุมจะเหมือนกับช่วงตั้งแต่ต้นปี 63) ผลการศึกษาพบว่าจะเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันต่ำกว่า 100 รายจะเป็นประมาณต้นเดือนต.ค. 64
2) Base case การติดเชื้อในระยะข้างหน้าจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับรูปแบบการติดเชื้อในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (หรือการแพร่ระบาดจะมีผลจากสายพันธุ์ใหม่และลักษณะการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น) ผลการศึกษาพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันจะยังเพิ่มขึ้นได้อีก และไต่ระดับขึ้นสู่จุดสูงสุดของการติดเชื้อจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนก.ค. 64 โดยการติดเชื้อจะลดลงตามการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าอัตราการฉีดวัคซีนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.5-2.7 แสนโดส/วัน ควบคู่ไปกับการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ค่อยเป็นค่อยไป และจะเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันต่ำกว่า 100 เมื่อพ้นกลางเดือนต.ค.เป็นต้นไป
3) Prolonged case รูปแบบการติดเชื้อในอนาคตคล้ายกับประเทศบราซิลและอิตาลี ซึ่งมีลักษณะเหมือนภูเขาหลายลูกซ้อนกัน จากการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจเร็วกว่าผลของภูมิคุ้มกันหมู่ที่จะเกิดขึ้นในวงกว้างจากการฉีดวัคซีน ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันกลับมาเพิ่มขึ้น ในกรณีนี้ผลการศึกษาพบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและจะยังคงอยู่ในระดับสูงแม้พ้นสิ้นเดือนต.ค.ไปแล้ว
สำหรับภาวะเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจสหรัฐฯและยูโรโซนมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่ผลกระทบจากไวรัสกลายพันธุ์อาจมีไม่มาก ในเดือนมิ.ย. 64 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 63 ด้านการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นประมาณ 8.5 แสนตำแหน่งสูงกว่าตลาดคาด ส่วนอัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับ 5.9% สูงกว่าเดือนก่อนเล็กน้อย ล่าสุดจำนวนผู้ยื่นขอรับสิทธิสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 26 มิ.ย. 64 ปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดเมื่อเดือนมี.ค. 63
โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯยังฟื้นตัวต่อเนื่องและมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ และล่าสุด IMF ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯขึ้นเป็น 7.0% จากเดิม 4.6% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 27 ขณะที่ธนาคารหลายแห่งได้ประกาศจ่ายเงินปันผลรวมถึงการซื้อหุ้นคืนหลังจากผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งยืนยันถึงสถานะเงินกองทุนขั้นต่ำที่เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม วิจัยกรุงศรีคาดว่าเฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำต่อไปอย่างน้อยจนถึงปี 66 โดยอัตราการว่างงานยังห่างจากเป้าหมายระยะยาวของเฟด ซึ่งอัตราการว่างงานในช่วงก่อนการแพร่ระบาดเมื่อเดือนก.พ. 63 อยู่ที่ 3.5% ส่วนสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตายังคงจำกัดอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ
เช่น รัฐมิสซูรี อาร์คันซอ เนวาดา และยูทาห์ และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโดยภาพรวมนั้นมีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 328.8 ล้านโดส โดยมีผู้ได้รับวัคซีนครบถ้วนคิดเป็น 47.1% ของประชากร การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่จึงอาจสร้างความไม่แน่นอนเพียงในบางพื้นที่ แต่เศรษฐกิจส่วนรวมยังสามารถเติบโตต่อไป
ด้านเศรษฐกิจของยุโรปยังมีสัญญาณบวก แม้ว่ายังมีความไม่แน่นอนจากไวรัสกลายพันธุ์อาจกระทบบางประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยว อัตราการว่างงานเดือนพ.ค. 64 ของยุโรปลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 63 ที่ 7.9% ในเดือนมิ.ย. 64 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงสู่ระดับ 1.9% จากที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่งเมื่อเดือนก่อน ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจแตะระดับสูงสุดในรอบ 21 ปี
โดยเศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่าการฟื้นตัวยังคงดำเนินต่อไปและมีปัจจัยหนุนจากความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน รวมทั้งยังส่งสัญญาณที่ธนาคารในยุโรปอาจสามารถจ่ายเงินปันผลและการซื้อคืนหุ้นได้ช่วงปลายเดือนก.ย.นี้ และสหภาพยุโรปได้เริ่มใช้หนังสือเดินทางดิจิทัลที่รับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งจะเอื้อต่อการเดินทางข้ามพรมแดนโดยไม่ต้องกักตัวและเป็นประโยชน์ต่อภาคการท่องเที่ยว
แต่ล่าสุดการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาในอังกฤษนั้นได้กระจายไปยังบางประเทศ เช่น โปรตุเกส ฝรั่งเศส และเยอรมนี อาจมีผลต่อการฟื้นตัวเฉพาะในบางประเทศที่ต้องพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก
ส่วนภาคการผลิตของจีนเริ่มชะลอลงในเดือนมิ.ย. 64 แต่ปัญหาการชะงักงันด้านอุปทานส่งสัญญาณคลี่คลายลงบ้าง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวมภาคการผลิตและบริการเดือนมิ.ย. 64 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนที่ 52.9 โดยดัชนีฯนอกภาคการผลิตลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนที่ 53.5 ส่วนดัชนีฯภาคการผลิตปรับตัวลงสู่ระดับ 50.9 ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 64
ด้านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวมฯปรับตัวลงแต่ค่าดัชนีบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังคงขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 หากพิจารณาองค์ประกอบย่อยของดัชนีฯภาคการผลิตพบว่าด้านผลผลิตและคำสั่งซื้อยังคงขยายตัว โดยเฉพาะดัชนีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนส่งสัญญาณการเติบโตต่อเนื่องของอุปสงค์ภายในประเทศ ขณะที่ดัชนีด้านระยะเวลาในการจัดส่งสินค้าสั้นลงสะท้อนว่าปัญหาคอขวดเริ่มคลี่คลาย ส่วนดัชนีย่อยด้านราคาปัจจัยการผลิตปรับตัวลดลง เป็นผลจากมาตรการภาครัฐช่วยลดผลกระทบจากปัญหาราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น โดยภาพรวมเศรษฐกิจจีนยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องแม้อาจเติบโตช้าลงเมื่อเทียบจากต้นปี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.ค. 64)
Tags: การท่องเที่ยว, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ส่งออก, เศรษฐกิจไทย