ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผันผวน หลังดาวโจนส์ร่วงกดดันตลาด

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผันผวนในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดิ่งลงหลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนัก และหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวลงตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา

  • ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,508.59 จุด ลดลง 21.67 จุด หรือ -0.61%
  • ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,262.40 จุด ลดลง 380.81 จุด หรือ -1.33%
  • ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,777.81 จุด ลดลง 295.05 จุด หรือ -1.05%

นักวิเคราะห์จากบริษัทอลัน บี.แลนซ์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์กล่าวว่า นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กทำสถิติแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 1.0%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.7% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.9% นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาตลอดช่วงครึ่งแรกของปี 2564 พบว่า ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 12.7%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 14.4% และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 12.5%

หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงเป็นส่วนใหญ่ นำโดยหุ้นตีตี โกลบอล อิงค์ (Didi Global Inc) ซึ่งเป็นผู้บริหารแอปพลิเคชันเรียกรถโดยสารตีตีชูสิง (DiDi Chuxing) ร่วงลง 19.52% หลังจากสำนักบริหารไซเบอร์สเปซแห่งประเทศจีน (CAC) ดำเนินการตรวจสอบตีตี โกลบอล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ก.ค.) ซึ่งเกิดขึ้นเพียงสองวันหลังจากที่หุ้นตีตี โกลบอลเปิดทำการซื้อขายวันแรกในตลาดหุ้นสหรัฐ และต่อมาในวันอาทิตย์ที่ 4 ก.ค. CAC มีคำสั่งให้ถอดแอปพลิเคชันตีตีชูสิงออกจากแพลตฟอร์มแอปสโตร์ของจีน โดยอ้างว่า ตีตีชูสิงทำการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายของจีน

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 60.1 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 64.0 ในเดือนพ.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 63.5

ทั้งนี้ การชะลอตัวของดัชนีภาคบริการสหรัฐได้รับผลกระทบจากการจ้างงานที่หดตัว โดยดัชนีการจ้างงานในภาคบริการลดลงแตะ 49.3 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 55.3 ในเดือนพ.ค. ขณะที่ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ลดลงแตะที่ 62.1 จากระดับ 63.9

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง รายงานการประชุมเดือนมิ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ค.

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top