SIRI ยอดขาย-ยอดโอน H1/64 เกิน 50% ของเป้าทั้งปี ลุยเปิดอีก 20 โครงการใหม่

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทสร้างยอดขายรวมไปได้ถึง 1.76 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 57% จากเป้าหมายยอดขาย 3.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายจากโครงการแนวราบ 1.2 หมื่นล้านบาท และยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 5.6 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 2/64 บริษัทมียอดขายสูงถึง 1 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 32% จากไตรมาส 1/64 ที่ทำยอดขายไปได้ 7.6 พันล้านบาท เนื่องจากความแข็งแกร่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทจากการมองตลาดเร็วและพร้อมปรับตัวรองรับทุกสถานการณ์ตลอดเวลา (Speed to Market) ส่งผลให้บริษัทมีผลงานที่แข็งแกร่ง

ความสำเร็จของยอดขายในครึ่งปีแรกของปี 64 มาจากการปิดการขายโครงการ 5 โครงการทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม ได้แก่ โครงการเศรษฐสิริ พัฒนาการ และคณาสิริ ชัยพฤกษ์-วงแหวน อีกทั้งความสำเร็จของโครงการ BuGaan เอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์ ระดับราคา 35.9-80 ล้านบาท ที่กวาดยอดขายไปถึง 75% จากมูลค่าโครงการ รวมทั้งการเป็นผู้นำการพัฒนาแบรนด์บ้านเดี่ยวระดับบน ด้วยยอดขายแบรนด์เศรษฐสิริ และ บุราสิริ ที่มียอดขายที่ดีต่อเนื่อง

ขณะที่โครงการทาวน์โฮมแบรนด์ สิริ เพลส ซีรีย์ใหม่ “Dream Destination” ที่รุกเปิดตัวในปีนี้ ก็ได้รับความสนใจและกระแสตอบรับที่ดีในทั้ง 2 โครงการ ทั้ง สิริ เพลส บางนา-เทพารักษ์ ที่พัฒนาจากแรงบันดาลใจการออกแบบจากมหานครนิวยอร์ก และสิริ เพลส วงแหวน – ลำลูกกา แรงบันดาลใจการออกแบบจากเสน่ห์แห่งเมืองเกียวโตที่กวาดยอดขายไปแล้วกว่า 80% จากจำนวนยูนิตที่เปิดขายในระยะเวลาเพียง 2 วันพรีเซลล์

รวมถึงความร้อนแรงของซีรีย์คอนโดมิเนียมแบรนด์ THE MUVE (เดอะมูฟ) ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่โครงการแรกปิดการขาย “เดอะ มูฟ เกษตร” จากยูนิตที่เปิดขาย ส่งผลงานต่อมาถึง “เดอะ มูฟ ราม 22” ที่กวาดยอดขายทั้งในรอบ VIP และ Online Booking ในไทย และกลุ่มลูกค้าต่างชาติ จากการเปิดขายในรอบ VIP ที่ฮ่องกงที่ลูกค้าให้การตอบรับอย่างล้นหลามก่อนที่จะมีการเปิดพรีเซลล์อย่างเป็นทางการ “เดอะ มูฟ ราม 22” ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท ในวันที่ 10-11 ก.ค. 64 และ “เดอะ มูฟ บางนา” ราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท ในวันที่ 17-18 ก.ค. 64 ซึ่งคาดว่าจะขายหมดทันทีจากยูนิตที่เปิดขายในรอบพรีเซลล์ ในทั้ง 2 โครงการ

นอกจากนี้ บริษัทยังทำการโอนที่โดดเด่นในครึ่งปีแรก โดยมียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วถึง 1.64 หมื่นล้านบาท เกินเป้าหมายในช่วงครึ่งปีแรก หรือคิดเป็น 53% จากเป้าหมายยอดโอน 3.1 หมื่นล้านบาท โดยเป็นยอดโอนในไตรมาส 2/64 ที่ 8.8 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 14% จากไตรมาส 1/64 ที่มียอดโอน 7.7 พันล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม ในสัดส่วน 55 : 45

ส่วนสถานการณ์ปิดแคมป์ก่อสร้างเพื่อป้องกันการระบาดโควิด-19 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการโอนและรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/64 เนื่องจากที่อยู่อาศัยที่ต้องส่งมอบได้สร้างเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งบริษัทยังได้เตรียมทำแผน catch up งานก่อสร้างหลังกลับมาเริ่มก่อสร้างได้ไว้เรียบร้อยแล้ว จึงมั่นใจในผลการดำเนินงานที่จะทำได้ตามเป้าหมาย สามารถส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าได้ตรงเวลา รวมทั้งยังมีที่อยู่อาศัยพร้อมเข้าอยู่และพร้อมโอน รองรับความต้องการของลูกค้าได้ทันที

ในครึ่งปีหลังบริษัทยังเตรียมโอนคอนโดมิเนียม เอดจ์ เซ็นทรัล – พัทยา ในวันที่ 21-22 ส.ค. 64 และ ดีคอนโด ไฮด์อเวย์-รังสิต ในวันที่ 28-29 ส.ค.64 เพื่อรองรับการรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังอีกด้วย และบริษัทมองภาพบวกถึงทิศทางข้างหน้าที่ต้องปรับตัวให้เร็ว รองรับความต้องการลูกค้าและการกลับมาของตลาด ก่อนการเปิดประเทศและเศรษฐกิจเริ่มฟื้น เพื่อพร้อมวิ่งก่อนใคร

บริษัทยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง อีก 20 โครงการ มูลค่ารวม 1.94 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวและมิกซ์โปรดักส์แบรนด์อณาสิริ 8 โครงการ มูลค่ารวม 7.5 พันล้านบาท ทาวน์โฮมแบรนด์สิริเพลสและแบรนด์ใหม่ล่าสุด 5 โครงการ มูลค่ารวม 6.3 พันล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่ารวม 5.6 พันล้านบาท

“หากเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 4/64 ซึ่งรวมไปถึงเศรษฐกิจในเมืองท่องเที่ยวที่จะเริ่มฟื้นตัวจากการกลับเข้ามาท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ ภาคเอกชนในธุรกิจต่างๆจะเร่งพลิกฟื้นธุรกิจภายหลังจากที่ประเทศต้องฝ่าวิกฤตโควิด–19 มามากกว่า 1 ปี ขณะที่ศักยภาพเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีความโดดเด่นแตกต่างกันออกไป จะพร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งจากชาวไทยและต่างชาติ ให้กลับมาคึกคักและสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งอีกครั้ง ซึ่งแสนสิริยังมองเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี จากยอดขายในตลาดต่างจังหวัดที่เริ่มมียอดขายที่ดีขึ้น รวมถึงยอดโอนในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ”

นายอุทัย กล่าว

ล่าสุด บริษัทได้เริ่มรุกตลาดเชียงใหม่ด้วยการเปิดตัว “1517 NIMMAN” (1517 นิมมาน) Co – Business I Living Space พื้นที่ที่รวมธุรกิจ และการอยู่อาศัยเป็นหนึ่งเดียว ราคาเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท บนพื้นที่ขนาด 2 ไร่ จำนวน 23 ยูนิต บนสุดยอดทำเลไข่แดงใจกลางย่านนิมมานฯ ศูนย์รวมธุรกิจและไลฟ์สไตล์ รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับโลก และแหล่งเศรษฐกิจที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจในแง่การลงทุน โดยเฉพาะชาวจีน เพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจังหวัดเชียงใหม่

และตอบโจทย์ผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอี ที่มองหาทำเลศักยภาพในราคาที่เข้าถึงได้เพื่อประกอบธุรกิจ และผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยเองในย่านชั้นนำของเชียงใหม่ ตลอดจนกลุ่มผู้ลงทุนทั้งภาคเหนือ และกรุงเทพฯ ที่มีความมั่นใจในเรื่องทำเลและผลตอบแทนที่คุ้มค่า จากสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดเมืองท่องเที่ยวที่คาดว่าจะกลับมาเร็วๆนี้ ทำให้ทำเลย่านถนนนิมมาน มีแนวโน้มราคาอสังหาริมทรัพย์เติบโตพุ่งสูงขึ้นในทุกๆปี ทำให้โครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีมากหลังจากเริ่มเปิดตัวโครงการ

ขณะที่ตลาดท่องเที่ยวในภูเก็ตก็มีทิศทางที่ดี จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน ภายใต้โครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์” ที่ได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ตลาดเริ่มกลับมาคึกคัก ยังรวมถึงสัญญาณที่ดีในตลาดต่างชาติ จากยอดโอน XT ห้วยขวาง ซึ่งกลุ่มลูกค้าต่างชาติให้ความเชื่อมั่นแสนสิริ และตอบรับโอนไปแล้วกว่า 60%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ค. 64)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top