BAY คาดส่งออกปีนี้โตแตะ 2 หลักหลังอุปสงค์โลกฟื้น คาด GDP โต 1.2%

วิจัยกรุงศรี ประเมินว่า การส่งออกของไทยมีแนวโน้มเติบโตในอัตราเลข 2 หลักช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวดีของเศรษฐกิจโลก นำโดยประเทศแกนหลัก การทยอยเปิดประเทศและการกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป การเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ที่คั่งค้างจากช่วงก่อน ภาคบริการที่เริ่มกลับมาดำเนินการได้ รวมถึงการจ้างงานที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศเหล่านี้ ตลอดจนการฉีดวัคซีนที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นในหลายประเทศ

“ปัจจัยข้างต้นดังกล่าว จะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของอุปสงค์โลก วิจัยกรุงศรีจึงคาดการณ์มูลค่าการส่งออกของไทยในปีนี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตดีขึ้นเป็น 13.5% เทียบกับ 9.0% ที่เคยคาดการณ์ในครั้งก่อน” บทวิเคราะห์ระบุ

สำหรับแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปี วิจัยกรุงศรีคาดว่าการเติบโตของการส่งออกอาจไม่แข็งแกร่งมากเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่เติบโตได้ถึง 15.5% เนื่องจากผลของฐานที่ต่ำในปีก่อนทยอยลดลง ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศอาจส่งผลกระทบต่อบางภาคของอุตสาหกรรมการผลิตในช่วงต้นไตรมาส 3/2564 ทั้งจากมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดขึ้น และภาวะการขาดแคลนแรงงานในบางสาขา

ขณะที่ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออกในเดือนมิ.ย. 64 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี อยู่ที่ 23.7 พันล้านดอลลาร์ ขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 53 ที่ 43.8% และถ้าหักสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ทองคำ และอาวุธ มูลค่าส่งออกเดือนมิ.ย. 64 ยังขยายตัวได้ 41.6% ด้านการส่งออกสินค้าสำคัญส่วนใหญ่ยังเติบโตกระจายตัวอย่างต่อเนื่อง อาทิ ยานพาหนะและอุปกรณ์ (+79.2%) ผลิตภัณฑ์เคมี (+59.8%) ผลิตภัณฑ์เกษตร (+59.8%) และผลิตภัณฑ์พลาสติก (+39.8%) นอกจากนี้ นโยบายการทำงานจากที่บ้านยังหนุนการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า (+42.3%) และหมวดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (+24.0%)

อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าเกษตรบางรายการยังคงหดตัวอยู่ อาทิ ข้าว จากปัจจัยการแข่งขันทางราคา รวมถึงสินค้าปศุสัตว์และอาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ในประเทศ ด้านตลาดส่งออก พบว่าในเกือบทุกตลาดสำคัญขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่น และจีนที่เติบโตดีขึ้น

ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรีได้ประเมินผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิดรอบนี้จากสายพันธุ์เดลตา ภายใต้สมมติฐานประสิทธิภาพของวัคซีนอยู่ที่ 60% ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันจะลดต่ำกว่า 1,000 ภายในเดือนพ.ย.64 สะท้อนมาตรการควบคุมยังคงดำเนินต่อไปจนถึงเดือนต.ค.64 โดยประเมินว่าจะมีผลกระทบราว 70% ของช่วงที่มีมาตรการล็อคดาวน์ในเดือนเม.ย.63

ผลเชิงลบโดยรวมที่เกิดจากการหยุดชะงักของอุปทาน การลดลงของอุปสงค์ และกิจกรรมท่องเที่ยวอ่อนแอลง ฉุด GDP ปีนี้ลดลง 2.0% อย่างไรก็ตาม คาดว่าปัจจัยบวกจากการส่งออกที่เติบโตแข็งแกร่งในปีนี้จะช่วยหนุน GDP ได้ +0.6% รวมถึงมาตรการเยียวยาของรัฐซึ่งคาดว่าจะมีเพิ่มเติมในปีนี้ราว 1 แสนล้านบาท จะหนุน GDPได้อีก +0.6%

“ดังนั้น ผลกระทบสุทธิต่อการเติบโตของ GDP ในปีนี้โดยรวมแล้ว จึงคาดว่าจะลดลงจากคาดการณ์เดิม -0.8% วิจัยกรุงศรีจึงปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้เหลือเติบโต 1.2% จากเดิมคาด 2.0%”

บทวิเคราะห์ระบุ

ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าการระบาดของโควิดระลอกล่าสุดกระทบ GDP ปีนี้ให้ลดลง 0.8-2% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของวิจัยกรุงศรี โดย ธปท.ระบุการระบาดของโควิด-19 จากสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ทำให้การติดเชื้อรุนแรงและลากยาวกว่าที่คาด เป็นผลให้ทางการต้องออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด โดย ธปท.ประเมินจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2564 หายไป 0.8% ในกรณีสามารถควบคุมการระบาดได้ในช่วงเดือนสิงหาคม แต่หากไม่สามารถคุมได้ทำให้การระบาดยืดเยื้อถึงสิ้นปี GDP จะหายไป 2.0%

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบดังกล่าว ธปท.ชี้ว่ายังไม่สามารถนำไปหักลบกับการคาดการณ์ GDP ที่คาดไว้ที่ 1.8% เมื่อเดือนมิ.ย. 64 เนื่องจากยังไม่ได้รวมผลของปัจจัยอื่นๆ ที่อาจจะเข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top