ธอส.เพิ่มวงเงินโครงการ My Hero ช่วยบุคลากรทางการแพทย์-สาธารณสุขอีก 4 หมื่นลบ.

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า หลังจากธนาคารฯ เปิดให้ลูกค้าปัจจุบันของธนาคารที่ประกอบอาชีพแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นบุคลากรด่านหน้าในการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ในศูนย์ฉีดวัคซีน และมีสถานะบัญชีปกติ ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการ My Hero : บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อรับสิทธิ์ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 1.00% ต่อปี จากทุกอัตราดอกเบี้ยที่บุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นระยะเวลานาน 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.-31 ธ.ค.64 ทำให้เงินงวดที่ลูกค้าต้องชำระลดลงมากกว่า 50% ของเงินงวดเดิม ปรากฏว่ามีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการจนเต็มกรอบวงเงิน 8,000 ล้านบาท ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขสามารถเข้ารับความช่วยเหลือตามมาตรการได้มากยิ่งขึ้น ธนาคารฯ จึงได้เพิ่มกรอบวงเงินของโครงการ My Hero : บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข อีก 4,000 ล้านบาท ทำให้กรอบวงเงินรวมโครงการเพิ่มเป็น 12,000 ล้านบาท โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-15.00 น. เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่วันที่ 16-29 สิงหาคม 2564 หรือจนกว่าจะเต็มกรอบวงเงิน

ทั้งนี้ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ได้ทาง Mobile Application : GHB ALL , GHB Buddy บน Line Application และเว็บไซต์ ธอส. www.ghbank.co.th พร้อมแนบหลักฐาน/เอกสารเพื่อแสดงว่าปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงปฏิบัติหน้าที่ในศูนย์ฉีดวัคซีน เช่น บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ หนังสือรับรองการปฏิบัติงานจากหน่วยงาน และเมื่อครบกำหนดระยะเวลาความช่วยเหลือ 4 เดือนแล้ว ลูกค้าจะกลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการเดิมที่เคยเลือกใช้ก่อนเข้าร่วมโครงการโดยไม่ถือว่ามีดอกเบี้ยค้างชำระแต่อย่างใด

ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธอส.หรือที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ และติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ Application : GHB ALL และ www.ghbank.co.th

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ส.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top