แนวโน้มหุ้นไทยเช้านี้ฟื้นตัวต่อตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังหลายปัจจัยใน-นอกปท.เอื้อ

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ฟื้นตัวต่อตามตลาดหุ้นทั่วโลก ทั้งตลาดสหรัฐฯ-ยุโรป-เอชียหลังคลายกังวลประชุมเฟดรอบแจ็คสันโฮล 26-28 ส.ค.รับรู้-ปรับฐานระดับหนึ่งแล้ว อีกทั้ง FDA สหรัฐอนุมัติให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์เต็มรูปแบบส่งผลการติดเชื้อจะลดลง นอกจากนี้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าระยะสั้นหนุนสินทรัพย์เสี่ยง และบ้านเราได้แรงหนุนกองทุนในประเทศ-ต่างชาติพร้อมใจซื้อ รวมคาดกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯขึ้นนำตลาดวันนี้หลังราคาน้ำมันพุ่งแรงกว่า 5% และค่าการกลั่นปรับขึ้น แนวโน้มผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศลดลงคาด ก.ย.คลายล็อกดาวน์ หนุนกลุ่มแบงก์-Domestic play ให้แนวรับ 1,575-1,570 แนวต้าน 1,590-1,600 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ฟื้นตัวต่อตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ, ตลาดยุโรป และตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวกถ้วนหน้า หลังคลายกังวลการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมืองแจ็คสันโฮล ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ ตลาดฯรับรู้และปรับฐานไปแล้วระดับหนึ่ง

อีกทั้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบ (full approval) จากเดิม ซึ่งช่วยลดข้อจำกัดของการซื้อและการใช้งาน เชื่อว่าจะช่วยให้การติดเชื้อลดลงได้ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐฯก็อ่อนค่าลงในระยะสั้นช่วยหนุนสินทรัพย์เสี่ยงให้ปรับตัวดีขึ้น

ส่วนบ้านเราได้แรงหนุนจากแรงซื้อของกองทุนในประเทศ และนักลงทุนต่างชาติวานนี้พร้อมใจกันซื้อ อีกทั้งวันนี้คาดว่าจะได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงานและกลุ่มปิโตรเคมีจะขึ้นนำตลาดฯหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแรงกว่า 5% มากสุดในรอบ 5 เดือน และหลังจากที่ได้ปรับตัวลง 7 วันติดต่อกันจากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา รวมถึงค่าการกลั่นก็ปรับตัวขึ้นด้วย

อีกทั้ง จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายวันในประเทศได้ลดลง ทำให้คาดการณ์ว่าในเดือน ก.ย.น่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์บ้าง รวมถึงวันนี้หุ้นในกลุ่มแบงก์และ Domestic play น่าจะปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องด้วย ส่วนหนึ่งมาจากการทำ Cover short ของนักลงทุนต่างชาติ

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้จะมีมาตรการออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ และการชุมนุมทางการเมือง รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศ และงานไทยแลนด์โฟกัส ที่จะมีขึ้นในวันที่ 25-27 ส.ค.นี้

พร้อมให้แนวรับ 1,575-1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,590-1,600 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,335.71 จุด เพิ่มขึ้น 215.63 จุด (+0.61%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,479.53 จุด เพิ่มขึ้น 37.86 จุด (+0.85%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,942.65 จุด เพิ่มขึ้น 227.99 จุด (+1.55%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 5.14 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 158.99 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 319.09 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 ส.ค.) 1,582.07 จุด เพิ่มขึ้น 28.89 จุด (+1.86%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,711 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ส.ค.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 ส.ค.) ปิด 65.64 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 3.50 ดอลลาร์ หรือ 5.6%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 ส.ค.) อยู่ที่ 2.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.27 แข็งค่าตามภูมิภาคจากดอลลาร์อ่อนค่า คาดกรอบวันนี้ 33.20-33.35
  • ธปท.ยันไม่บังคับแบงก์แฮร์คัทหนี้เป็นการทั่วไป ย้ำเป็นหนึ่งในเครื่องมือช่วยเหลือเท่านั้น ขึ้นอยู่กับเจ้าหนี้-ลูกหนี้เจรจากัน เผยความคืบหน้ามาตรการฟื้นฟูธุรกิจแล้วกว่า 9 หมื่นล้าน พักทรัพย์-พักหนี้กว่า 1 หมื่นล้าน ฝั่งแบงก์รัฐ “ออมสิน-ธ.ก.ส.” เร่งลูกหนี้กระทบโควิดพักหนี้ก่อนสิ้นสุดโครงการ
  • “พาณิชย์” เผย ส่งออก ก.ค. พุ่ง 20.27% โตติดต่อเดือนที่ 7 จับตาโควิด กระทบส่งออก ส.ค.-ก.ย.นี้ หอการค้า ห่วงผลกระทบปิดโรงงานส่งผลซัพพลายเชน ส.อ.ท.ชง 4 มาตรการป้องกันโควิดในภาคอุตสาหกรรม
  • ปตท.คาดราคา “น้ำมันดิบ-ปิโตรเคมี” ครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้น รับอานิสงส์ดีมานด์โต-เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว หนุนรายได้ปี 64 เติบโตจากปีก่อน เผยครึ่งหลังเตรียมเปิดซีโอดีโครงการท่อแก๊สอีก 2 แห่ง
  • ‘สุริยะ’ ดันอีวีเต็มสูบ สั่ง สมอ.ออกมาตรฐานอีวีรับมติบอร์ดยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ล่าสุด กมอ.เคาะรวดเดียว 33 มาตรฐาน ‘รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า-ยานยนต์อัจฉริยะ’ เป้าทั้งปี 97 มาตรฐาน ตอกย้ำผู้นำด้านยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์แห่งอาเซียน
  • สภาอุตสาหกรรมชงนายกฯ เคาะ 4 มาตรการคุมโควิดในโรงงาน สนับสนุนชุดตรวจเชื้อ วัคซีน จัดพื้นที่แยกผู้ป่วย โดยไม่ต้องปิดโรงงานทั้งหมด ชี้รัฐเอาแต่ออกคำสั่งแต่ไม่มีงบให้ เพราะตอนนี้มีโรงงานถูกปิดและกระทบกำลังการผลิตแล้วราวๆ 5-10% หากปล่อยยืดเยื้อกระทบเศรษฐกิจภาพรวม

*หุ้นเด่นวันนี้

  • COM7 (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า IAA Consensus 80 บาท คาดหวังภาครัฐทยอยผ่อนปรนมาตรการและอนุญาตเปิดสาขาในห้างหลังจากผ่อนปรนให้สาขาธนาคารเปิดทำการได้ ขณะที่ปลายปีมี Sentiment บวกจาก Apple เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ iPhone 13 คาดเปิดตัวปลาย ก.ย.
  • ITEL (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 6.40 บาท เป็นอีกหนึ่งผู้ได้ประโยชน์หากสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น จากงานประมูลโครงการภาครัฐที่จะเร่งตัวขึ้น H2/64 และมีโอกาสได้งานทั้งงาน USO งาน CCTV Analytic งาน Course Online เม็ดเงินรวมกว่า 3.5 พันลบ. พร้อมยังคงประมาณกำไรปี 64-66 ที่คาด +26% CAGR และมีธุรกิจ New S-Curve หนุนทั้ง Drone และ Anti-Drone ส่วนราคาหุ้นสะท้อน Dilution ของการแปลงสภาพ Warrant ไปแล้ว
  • CPW (คิงส์ฟอร์ด)”ซื้อเก็งกำไร”เป้า IAA Consensus 4.16 บาท กำไรสุทธิงวด H1/64 อยู่ที่ 31.94 ลบ. (+149.92%YoY) ได้ประโยชน์การเปลี่ยน 4G เป็น 5G เร่งผู้ใช้เปลี่ยนอุปกรณ์ ขณะที่โควิดกระตุ้น Demand สินค้า WFH, LFH บริษัทเพิ่มช่องทางขายออนไลน์-ออกบริการ Personal Shopper แชทช้อปกับสาขาผ่าน LINE สามารถ Video Call ผู้ช่วยช้อปส่วนตัว เช็กสต็อกเรียลไทม์ พร้อมส่งสินค้าตรงจากสาขาทันที ช่วงปลายปียังมีปัจจัยบวกจากApple เปิดตัวสินค้าใหม่ ทั้งนี้ คาด EPS ปี 64-65 ฟื้นต่อเนื่องจากปี 63 ที่ 0.09 บาท/หุ้น มาที่ 0.14 บาท/หุ้น, และ 0.17 บาท/หุ้น ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ส.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top