นายกฯ เล็งปรับลด-เลิกเคอร์ฟิว ขอรอดูตัวเลขติดเชื้ออีกระยะ แต่ห่วงคนเที่ยวสถานบันเทิง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางเข้าร่วมรับฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 2 โดยกล่าวถึงการผ่อนคลายมาตรการในวันนี้เป็นวันแรกว่า ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการต่างๆที่ออกมาอย่างเคร่งครัด ทั้งรัฐ ผู้ประกอบการ และประชาชนต้องช่วยกัน ซึ่งหากดีขึ้นก็จะทำได้มากขึ้น

ส่วนการปรับลดหรือยกเลิกเวลาเคอร์ฟิวส์นั้น กำลังพิจารณาความเหมาะสม แต่ให้ผ่านระยะนี้ไปก่อน เพื่อดูว่าตัวเลขจะมากขึ้นหรือไม่ แต่การเคลื่อนไหวกลางคืนส่วนใหญ่ก็จะไปสถานที่ท่องเที่ยวสถานบันเทิง ซึ่งยังเป็นปัญหาอยู่ ตนเองถึงบอกให้สมาคมที่รับผิดต้องหรือผู้ประกอบการกลางคืน และผับ บาร์ต้องพูดคุยกันผ่านช่องทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) อยู่แล้ว เพื่อนำข้อมูลมาพิจารณาโดยให้สาธารณสุขและแพทย์ดูแล ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่สามารถสั่งหรือตัดสินใจได้ โดยไม่รับฟังความคิดเห็นจากทางสาธารณสุข เพราะหากผิดพลาดขึ้นมาก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งที่พูดในสภากันเหมือนยังไม่เข้าใจในการบริหาร

ส่วนปัญหาการจัดซื้อชุดตรวจโควิด Antigen Test Kit (ATK) 8.5 ล้านชุดนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็ทำหน้าที่ตรวจสอบยาและเวชภัณฑ์มาโดยตลอด ซึ่ง ATK นั้นมีหลายสิบบริษัทที่มาประมูล ซึ่ง อย. พิจารณาตรวจสอบแล้ว และมีใช้ที่ต่างประเทศด้วย ซึ่งที่ผ่านมาอาจมีความผิดพลาดด้านเอกสารถึงต้องมีการปรับใหม่ ซึ่งไม่ได้ปรับเพื่ออำนวยความสะดวกใคร แต่ทำอย่างไรถึงจะได้ชุดตรวจATK ได้เร็วที่สุด และมีคุณภาพที่ดี และมีราคาถูกที่สุด

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ชุดตรวจ ATK 8.5 ล้านชุดนี้ รัฐบาลนำไปแจกจ่ายฟรีในพื้นที่สีแดงเข้ม ส่วนอื่นๆบางคนมีทางเลือกมีเงินสามารถซื้อได้ แต่ขณะนี้กำลังให้พิจารณาค่าใช้จ่าย ATK ตามสิทธิ และขอให้เข้าใจทุกอย่างไม่ง่าย แต่นายกรัฐมนตรีพยายามแก้ตามลำดับ

“ผมก็เสียใจและขอโทษหากทำให้ทุกคนไม่พอใจ และแน่นอนมีคนไม่พอใจ แต่สิ่งที่เสียใจกับคนที่บาดเจ็บและสูญเสีย เพราะผมก็เคยผ่านการสูญเสียพ่อแม่เหมือนกัน อาจไม่ใช่โควิดแต่ทุกคนก็เสียใจหมด”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี ให้ความมั่นใจว่า ขณะนี้ระบบสาธารณสุขยังรับมือได้ และก่อนหน้านี้ต่างชาติก็มาท่องเที่ยวและเข้ามารักษาในประเทศไทย และมั่นใจในระบบสาธารณสุขของเรา แต่วันนี้ต้องเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เป็นโรครุนแรงและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงอาจทำให้ขีดความสามารถลดลงบ้าง แต่ก็พัฒนามาเรื่อยๆ ตามลำดับ

“ถ้าเราไม่มั่นใจระบบสาธารณสุขและคนของเรา แล้วทำไมวันนี้ไม่ดูตัวเลข คนรักษาหายเท่าไหร่ ถ้าเอาแต่ตัวเลขคนป่วยคนตายมาพูดข้างเดียวมันไม่เป็นธรรม ข้าราชการก็เสียหาย หมอแพทย์ พยาบาลก็เสียใจนะ เขาทำแทบตาย”พลเอกประยุทธ์ กล่าว

ทั้งนี้ นายกรัฐมตรี ย้ำว่า แม้ยังมีการเคลื่อนไหวก็ไม่สามารถไปห้ามได้ แต่อย่าลืมเป็นปัญหาต้องแก้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ถ้าทุกคนร่วมมือกันแต่ตนเองไม่โยนความผิดให้ใคร แต่ขอความเป็นธรรมรัฐบาล และสาธารณสุขด้วย

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ย. 64)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top