CV พร้อมนำเงิน IPO ซื้อโรงไฟฟ้า-พัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ดันกำลังผลิตเข้าเป้า 180 MW ในปี 66

นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โคลเวอร์ เพาเวอร์ (CV) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมนำเงินที่ระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในสัดส่วนราว 60% ไปใช้ในการลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ ทั้งจากการสร้าง Greenfield และการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าที่ขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ COD แล้ว และโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างพัฒนารวม 85 เมกะวัตต์ภายในปีนี้ และเพิ่มเป็น 180 เมกะวัตต์ในปี 66

ขณะที่อีก 30% จะนำไปใช้คืนหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงิน และเงินกู้ยืมต่างๆ เพื่อลดภาระต้นทุนทางการเงิน และปรับสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) โดยหลัง IPO จะลดลงต่ำกว่า 0.6 เท่า จากปีก่อนอยู่ที่ 2.3 เท่า เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต และ 10% จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

สำหรับการพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการ 1 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าแบบพลังงานความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าชธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก กำลังการผลิตติดตั้ง 7.36 เมกะวัตต์ มูลค่าเงินลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 170 ล้านบาท คาดจะเข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญเดิมจากผู้ขายได้ภายในเดือน ก.ย.นี้

พร้อมทั้งอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลในประเทศญี่ปุ่น 2 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 39.8 เมกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่น เงินลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นโครงการละประมาณ 430 ล้านบาท รวมทั้ง 2 โครงการประมาณ 860 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/66

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงคัดแยกและแปรรูปขยะเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิงขยะ (RDF) ดำเนินการภายใต้บริษัท CVR จังหวัดพิจิตร กำลังการผลิตประมาณ 150 ตันต่อวัน มูลค่าเงินลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นไม่เกิน 210 ล้านบาท คาดก่อสร้างแล้วเสร็จไตรมาส 4 ปีนี้

พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้ยื่นประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมนุมเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) โดยผ่านการพิจารณาข้อเสนอทางเทคนิคแล้ว ในส่วนที่เป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลรวม จำนวน 4 โครงการ และยังมีส่วนที่อยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์ผู้ไม่ผ่านเทคนิคฯ จำนวน 3 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศผลผู้ผ่านคุณสมบัติทางเทคนิคในช่วงกลางเดือนก.ย.นี้ ซึ่งทางบริษัทฯ มีความมั่นใจว่าจะสามารถผ่านการคัดเลือก

ด้านธุรกิจด้านงานวิศวกรรม (Valued EPC) ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 350-380 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้และปีหน้า รวมถึงอยู่ระหว่างการประมูลเพิ่มเติมอีก โดยปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการเจรจางาน EPC โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก ในประเทศออสเตรเลีย รวมถึงงาน EPC ในประเทศลาว และเวียดนาม เป็นต้น

ขณะที่การรับรู้รายได้ในปีนี้ ทางบริษัทจะรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มเติมจาก COD โรงไฟฟ้า 4 แห่งเข้ามาเต็มปี รวมถึงอีก 1 แห่งที่คาดว่าจะสามารถปิดดีลซื้อกิจการในเดือนก.ย.นี้ และยังมีการเข้าไปร่วมลงทุน (JV) เพื่อปรับปรุงโรงไฟฟ้าเก่ากับคู่ค้า ส่วนดีลในต่างประเทศ ปัจจุบันก็มีการดำเนินการทั้งในโครงการที่ผลิตไฟฟ้า และผลิตเชื้อเพลิงที่ส่งขายต่อให้กับโรงไฟฟ้า คาดว่าจะเปิดเผยรายละเอียดได้ในโอกาสถัดไป ขณะที่งาน EPC รายได้ก็จะขึ้นอยู่กับการหา Backlog เข้ามาเพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลังนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.ย. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top