แนวโน้มหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ตามต่างประเทศจับตา ศบค.ชุดใหญ่วันนี้

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ตามตลาดต่างประเทศฟื้นตัวได้บางส่วนหลังเฟดยังไม่ลด QE แต่ได้รับแรงกดดันจาก”ไชน่า เอเวอร์แกรนด์” ส่งตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ไร้ปัจจัยใหม่หนุน แนะติดตามการประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันนี้เคาะขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินและกำหนดเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการท่องเที่ยว และการประชุม กนง.วันที่ 29 ก.ย.นี้ ให้แนวรับ 1,603-1,611 แนวต้าน 1,634 จุด

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวไซด์เวย์ตามตลาดต่างประเทศ ซึ่งฟื้นตัวขึ้นมาได้บางส่วนจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังไม่ได้ปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แต่คงได้รับแรงกดดันจาก บริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ทั้งความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและเครดิตของโลก ทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเคลื่อนไหวไซด์เวย์ อีกทั้งไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาด้วย

สำหรับปัจจัยภายในประเทศวันนี้ต้องติดตามการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่จะมีการพิจารณาข้อเสนอขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 2 เดือน และกำหนดระยะเวลาการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมถึงเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งอาจมีการเลื่อนระยะเวลาออกไปจากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้

และอีกปัจจัยคือการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 29 ก.ย.นี้

วันนี้แนะนำการลงทุน หุ้น KCE และ KBANK

พร้อมให้แนวรับ 1,603-1,611 จุด และแนวต้าน 1,634 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,798.00 จุด เพิ่มขึ้น 33.18 จุด (+0.10%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,455.48 จุด เพิ่มขึ้น 6.50 จุด (+0.15%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,047.70 จุด ลดลง 4.54 จุด (-0.03%)

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,625.96 จุด เพิ่มขึ้น 12.89 จุด (+0.36%), ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 30,277.82 จุด เพิ่มขึ้น 29.01 จุด (+0.095%) และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,131.42 จุด ลดลง 60.74 จุด (-0.25%)

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 ก.ย.)1,631.15 จุด เพิ่มขึ้น 11.56 จุด (+0.71%)

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,645.41 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ก.ย.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 ก.ย.) ปิด 73.98 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 0.9%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 ก.ย.) อยู่ที่ 6.10 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.41 ตลาดกังวลเฟดทยอยถอน QE กรอบวันนี้ 33.35-33.50

– นายกฯ นั่งหัวโต๊ะถก ศบค.ลุ้นพิจารณาลดเวลาเคอร์ฟิวลงเป็น 4 ทุ่ม ถึงตี 4 พร้อมผ่อนคลาย 11 กิจการ ร้านอาหาร เล่นดนตรี โรงหนัง สปา ด้าน กทม.เร่งฉีดวัคซีนเข็ม 2 กว่า 46% เตรียมความพร้อมก่อนเปิดเมืองท่องเที่ยวล็อตใหม่

– บอร์ด รฟม.อนุมัติขยายเวลาก่อสร้างรถไฟฟ้าสีชมพู อีก 290 วัน เหตุเปลี่ยนตำแหน่ง สถานีศูนย์ราชการ นนท์ และสถานีนพรัตน์ ทำให้สัญญาก่อสร้างไปสิ้นสุด ส.ค.65 พร้อมปรับแผนเปิดเดินรถ 3 ระยะ เฟสแรก มิ.ย. 65 จากศูนย์ซ่อมฯ-มีนบุรี-ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 21 กม. ตลอดสาย ก.ค. 66

– ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ คาดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% และจะคงไปตลอดทั้งปี 64 และปี 65 โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของมาตรการทางการเงินเพื่อกระจายสภาพคล่องให้ทั่วถึงขึ้นมากกว่า แต่อยู่บนเงื่อนไขโควิด-19 ต้องไม่กลับมารุนแรงขึ้นมากในไตรมาส 4 โดยเชื่อว่า กนง.ต้องการเก็บกระสุนไว้ใช้ยามจำเป็นที่เศรษฐกิจไทยกลับมาหดตัว

– รมว.อุตสาหกรรม สั่งการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ออกมาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวีอย่างเต็มที่ เพื่อสอดรับนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติที่รัฐบาลเน้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ล่าสุดคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) สั่ง สมอ.จัดทำมาตรฐานเรือไฟฟ้าในปีงบประมาณ 65 เพิ่มเติมหลังจากที่ผ่านมาได้จัดทำมาตรฐานที่เกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าไปแล้วกว่า 82 เรื่อง เช่น มาตรฐานรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า ยานยนต์อัจฉริยะ อุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์อีวี ระบบตรวจจับคนเดินถนน ระบบลดความเสียหายจากการชนด้านหน้า ระบบตรวจจับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์

หุ้นเด่นวันนี้

– GLOBAL (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 24 บาท ราคาหุ้นลดลงสะท้อนผลจากการล็อกดาวน์ 29 จังหวัดไปแล้ว ระยะสั้นคาดยอดขายเพิ่มขึ้นจากดีมานด์วัสดุอุปกรณ์เพื่อซ่อมแซมบ้านเรือนหลังน้ำท่วม โดย GLOBAL มีสาขาส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด

– KBANK (ฟินันเซีย) “ซื้อ”เป้า 150 บาท เป็นอีกหนึ่งธนาคารที่มีการลงทุนในด้านเทคโลโลยีและ Digital Transformation มากเป็นอันดับต้นๆของไทย รวมถึงธุรกิจ Start-Up ทำให้มีโอกาสเติบโตนอกเหนือจากกรอบการทำธุรกิจธนาคารเดิม จุดเด่นคือ Valuation ที่ถูกมาก โดยปัจจุบันยังซื้อขายที่ระดับ 2022PBV เพียง 0.6 เท่า เทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ที่ 0.8-0.9 เท่าอย่างมีนัยยะ พร้อมให้แนวรับ 130/126 บาท แนวต้าน 135-136.50/142 บาท

– TRUE (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 4.30 บาท ทรูในฐานะ ICT Operator ในกลุ่มซีพีมีโอกาสได้ประโยชน์ทางตรงหรือทางอ้อม (Synergy) จากการตั้ง VC ระหว่างกลุ่ม CP และ SCB 10X ที่มุ่งลงทุนในเทคโนโลยีด้านการเงิน (Blockchain Related) ในด้าน Digital Lending และบัตรเครดิต ทรูมีการให้บริการผ่าน True Money และบริษัทย่อยในกลุ่มอยู่แล้ว พร้อม Partner ระดับโลกอย่าง Ali Pay ซึ่งมีความเชี่ยวชาญสูง ขณะเดียวกันก็มีฐานลูกค้าจาก CP Group ด้วย พร้อมเข้าสู่ High Season ของรายได้บริการและยอดขายมือถือ โดยปี 64 Iphone รุ่นใหม่วางจำหน่ายในไทยเร็วขึ้น หนุนยอดขาย Q4/64 เต็มไตรมาส

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top