แนวโน้มหุ้นไทยเช้าปรับลงแต่ไม่มากตามตปท. บอนด์ยีลด์พุ่งจากวิตกเพดานหนี้สหรัฐ

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับลงแต่ไม่แรงมาก ตามตลาดต่างประเทศ จากกังวลสภาคองเกรสยังไม่สามารถตกลงเรื่องเพดานหนี้ได้ หวั่นจะผิดนัดชำระหนี้ ด้าน S&P ประเมินอาจทำให้สหรัฐฯถูกลดความน่าเชื่อถือลงสู่ระดับ D ส่ง Bond yield พุ่ง กระทบต้นทุนกิจการในการออกพันธบัตรครั้งใหม่ อีกทั้งวันนี้ Bond yield สหรัฐฯก็พุ่งขึ้นมาที่ 1.47% ส่งเกิดแรงขายกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลก แต่มองเป็นบวกต่อกลุ่มแบงก์ และบ้านเรายังได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันขึ้น หลังโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 4 แสนบาร์เรลต่อวันตามคาดไว้ น่าจะหนุนกลุ่มพลังงาน-โรงกลั่นได้ อีกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศวันนี้ต่ำกว่าหมื่นรายต่อวัน หนุนกลุ่ม Domestic play และบาทอ่อนค่าหนุนกลุ่มส่งออก พร้อมให้แนวรับ 1,610-1,600 แนวต้าน 1,620-1,624 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงแต่ไม่แรงมาก ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบกัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นเกาหลี และตลาดหุ้นญี่ปุ่น ที่เช้านี้เปิดเทรดมาก็ติดลบราว 2% ตามตลาดยุโรป และตลาดสหรัฐฯ จากความกังวลสภาคองเกรสยังไม่สามารถที่จะบรรลุข้อตกลงในเรื่องเพดานหนี้ได้ ทางเอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) เตือนว่า ตลาดการเงินอาจได้รับผลกระทบรุนแรงหากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ และอาจทำให้สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงสู่ระดับ D ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด ซึ่งจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield)อายุ 10 ปี ของสหรัฐฯพุ่งขึ้น กระทบต่อต้นทุนการออกพันธบัตรใหม่ของกิจการที่จะสูงขึ้น

ทั้งนี้ วันนี้ Bond yield สหรัฐฯ ได้กลับมาปรับตัวขึ้นเป็น 1.47% ทำให้เกิดแรงขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลก แต่มองว่า Bond yield ที่ขึ้นเป็นผลดีต่อกลุ่มธนาคาร และตลาดบ้านเรายังได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น 2.3% สูงสุดในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่เดือนวันที่ 11 พ.ย. 2557 หลังจากที่ผลประชุมกลุ่มโอเปกพลัสไดี้มีมติเพิ่มกำลังการผลิตแค่ 4 แสนบาร์เรลต่อัน ตามที่คาดการณ์ไว้ น่าจะหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มโรงกลั่น

นอกจากนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้ก็ต่ำกว่าระดับหมื่นรายต่อวัน ซึ่งดีต่อหุ้นในกลุ่ม Domestic play ที่จะมาช่วยค้ำดัชนีฯไว้ อีกทั้งเช้านี้เงินบาทอ่อนค่าก็จะน่าส่งผลดีต่อกลุ่มส่งออก แต่ก็ไม่ดีต่อ Fund Flow เท่าไร

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามประเด็นเพดานหนี้ของสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะมีเส้นตายในวันที่ 18 ต.ค.นี้ และติตามการทยอยประกาศผลประกอบการางวดไตรมาส 3/64 ที่จะออกมา หล้งจากที่ AEONTS ประกาศออกมาแล้วต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้พอควร รวมถึงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ต่อไป และมาตรการของภาครัฐฯที่จะออกมาด้วย รวมถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่จะออกมาในวันศุกร์นี้

พร้อมให้แนวรับ 1,610-1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620-1,624 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 ต.ค.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,002.92 จุด ลดลง 323.54 จุด หรือ -0.94% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,300.46 จุด ลดลง 56.58 จุด หรือ -1.30% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,255.48 จุด ลดลง 311.21 จุด หรือ -2.14%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ร่วงลง 394.5 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 264.72 จุด ส่วนตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ (5 ต.ค.) เนื่องในวันชาติ

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ต.ค.)1,614.48 จุด เพิ่มขึ้น 9.31 จุด (+0.58%)

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,106.23 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ต.ค.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 ต.ค.) ปิด 77.62 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.74 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนวันที่ 11 พ.ย. 2557

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 ต.ค.) อยู่ที่ 6.32 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.80 อ่อนค่าเล็กน้อยจากความกังวลเงินเฟ้อสหรัฐ

– กบง.ลดเก็บเงินดีเซล บี7 ลง 1 บาท ปรับสูตรดีเซลเหลือ B6 ลิตรละ 28.29 บาท มีผลวันนี้ ใช้เงินกองทุน 3,000 ล้านบาท คุมราคาถึงสิ้น ต.ค.ย้ำไม่ถึงขั้นลดภาษี กองทุนมีเงินพอ เล็งขอใช้เงินกู้พยุงราคาแอลพีจี “ส.อ.ท.-หอการค้า” ห่วงต้นทุนโลจิสติกส์พุ่ง ดันเงินเฟ้อพุ่งสวนทางจีดีพี

– อานิสงส์คลายล็อกดาวน์ “อสังหาฯ” ชี้สัญญาณบวกโค้งสุดท้าย เศรษฐกิจ-กำลังซื้อเริ่มขยับ งัดโปรฯ ลดแลกแจกแถม ย้ำโอกาสทองผู้บริโภค “คอลลิเออร์ส” หนุนคลังต่อมาตรการลดภาษีโอน-จดจำนอง 0.01% พร้อมขยายเพดาน สิทธิบ้านไม่เกิน 5 ล้าน ซัพพลายใหญ่กรุงเทพฯ ปริมณฑล หวังแรงส่งกระตุ้นตลาดปีหน้า ด้าน “ปลัดคลัง” เผยอยู่ระหว่างหารือ “มหาดไทย-สำนักงบ”

– บอร์ดอีอีซีเคาะปรับแผนการลงทุนระยะ 2 ช่วง 5 ปี (2565-69) เป็น 2.2 ล้านล้านบาท หลังระยะแรก 1.7 ล้านล้านบาท บรรลุเป้าหมายเร็วกว่าที่กำหนด เล็งโฟกัส 3 ด้าน ต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานจากเมืองการบินภาคตะวันออก ด้วยการพัฒนาพื้นที่ 30 กม.รอบสนามบิน และรถไฟความเร็วสูง ดึงอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ภายใต้ BCG และยกระดับชุมชนและประชาชน หนุนจีดีพีโตปีละ 4.5-5% หวังไทยพ้นกับดักรายได้ปานกลางก้าวสู่ประเทศพัฒนาแล้วปี 2572

– รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เผยได้ติดตามราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นว่าจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคหรือไม่ พบว่ายังไม่มีผู้ผลิตสินค้ารายใดทำเรื่องขอปรับขึ้นราคาขายมายังกรม เพราะราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ยังไม่ได้กระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า โดยสินค้า 1 รายการจะมีต้นทุนที่หลากหลาย ทั้งค่าวัตถุดิบ ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าแรงงาน ค่าการตลาด ส่วนต่างกำไร ค่าขนส่ง ซึ่งในค่าขนส่งมีน้ำมันเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนเท่านั้น จึงไม่ได้มีผลมากนักต่อต้นทุนการผลิตโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ

หุ้นเด่นวันนี้

– SVT (บมจ.ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดหมวดพาณิชย์ โดยมีราคาขาย IPO 2.54 บาท/หุ้น บล.โกลเบล็ก ระบุราคาเหมาะสม 3.10-3.50 บาท บริษัทฯดำเนินธุรกิจค้าปลีกผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ( Vending Machine หรือ “ตู้อัตโนมัติ”) ซึ่งมีโรงงานปรับปรุงสภาพและประกอบ(Refurbishment) เครื่องอัตโนมัติ เพื่อจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ พร้อมทั้งจำหน่ายเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติให้กับลูกค้าภายใต้เครื่องหมายการค้า “SUNVENDING ” มีพื้นที่ให้บริการกว่า 26 จังหวัด มีเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติกระจายอยู่ในตลาดกว่า 13,884 เครื่อง ซึ่ง SVT เป็นผู้นำตลาดอันดับ 1 ของตลาดเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในประเทศไทย

– AMATA (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 23.50 บาท เกาะกระแส Stagflation ที่ดินเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ชนะเงินเฟ้อ, นอกจากนี้ยังได้ผลบวกจากธีมการย้ายฐานการผลิตหลังจีนเผชิญปัญหาวิกฤติพลังงานและยังมีความเสี่ยงจาก Trade war

– TU (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 30 บาท แนวโน้มกำไร Q3/64 อาจอ่อนตัวลง -26% Q-Q, -16% Y-Y จากการอ่อนตัวของธุรกิจ Ambient และ Pet Care จากผลกระทบระยะสั้นจากปัญหาแรงงานติดเชื้อซึ่งทำให้โรงงานสงขลาหยุดชะงักชั่วคราว ส่วนแนวโน้ม Q4/64 คาดอ่อนลงต่อจาก Low Season อย่างไรก็ตามยังคาดกำไรปี 2564 +19% Y-Y ส่วนระยะยาวยังคงมุมมองบวกต่อทั้งการรุก Innovative Product รวมถึงการ Spin-Off บริษัทลูกทั้ง TFM และ Pet Care ในอนาคต

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ต.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top